เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ได้มอบหมายให้สำนักการคลัง กทม.ทบทวนการเก็บค่าบริการจอดรถของ กทม. 2 แห่ง คือ อาคารจอดรถสวนมะลิ และอาคารจอดรถบางลำพู เพื่อเตรียมออกประกาศ กทม.เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถที่อาคาร 8 ชั้น สวนมะลิ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเอกชนประมูลเพื่อบริหารจัดการ แต่ทำเป็นที่จอดรถเพียง 6 ชั้น ส่วนชั้น 7-8 ทำเป็นโต๊ะสนุ๊ก และขณะนี้มีปัญหาน้ำรั่วซึม กทม.อยู่ระหว่างสำรวจเพื่อปรับปรุงให้เป็นที่จอดรถ และที่ผ่านมามีการเก็บค่าจอดรถยนต์รายเดือนเพียงเดือนละ 2,000 บาท รายชั่วโมง คิดอัตราค่าบริการชั่วโมงแรก 15 บาท ถัดไปชั่วโมงละ 20 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยเกินไป
“หลังจากนี้ให้ทบทวนปรับขึ้นค่าบริการเป็นรายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท รายชั่วโมง เป็นชั่วโมงแรก 20 บาท ถัดไปชั่วโมงละ 30 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ จากเดิมชั่วโมงแรก 5 บาท ถัดไปชั่วโมงละ 7 บาท ปรับเป็นชั่วโมงแรก 10 บาท ถัดไปชั่วโมงละ 15 บาท ทั้งนี้ อาคารจอดรถที่สวนมะลิ สามารถรองรับการจอดรถยนต์ได้ 426 คัน ส่วนที่บางลำพูจอดรถยนต์ 550 คัน รถจักรยานยนต์ 90 คัน และการปรับขึ้นค่าบริการจอดรถจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับที่สวนมะลิ” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว และว่า ที่ผ่านมา กทม.สามารถจัดเก็บค่าบริการจอดรถที่บางลำพูได้ปีละ 27 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายประมาณปีละ 13 ล้านบาท ในส่วนนี้ กทม.จะมีรายได้ปีละ 14 ล้านบาท แต่หากเก็บค่าบริการจอดรถเพิ่มเติมในอัตราดังกล่าว จะทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 6-7 ล้านบาท นอกจากนี้ บริเวณรอบอาคารจอดรถสวนมะลิจะมีอาคาร 4 ชั้น จำนวน 44 ยูนิต ซึ่งหมดสัญญาเช่า กทม.อยู่ระหว่างฟ้องขับไล่ ประกอบกับอาคารสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2525 ใช้งานมา 35 ปี เกรงว่าอาคารจะไม่มั่นคงและไม่ปลอดภัย ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอาคารร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) มีกำหนดตรวจสอบภายใน 15 วัน ก่อนประเมินสภาพว่ายังใช้งานต่อไปได้หรือไม่
