ทช.ป่วน ต้านย้าย “มนต์สังข์”เข้า ปลัดฯ โต้ย้าย “นิพนธ์” ไม่เกี่ยวโครงการปะการังเทียม 132 ล้าน

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ว่า ขณะนี้ได้มีการการส่งต่อข้อความในไลน์ของข้าราชการ ทช.แสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งโยกย้ายนายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคนสนิทของนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัด ทส. มาทำหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ทช. จำนวนมาก เพราะมองว่าเป็นการย้ายคนที่ไม่ตรงกับงานและเป็นการนำนายมนต์สังข์ มาวางไว้ในตำแหน่งเพื่อเตรียมขึ้นเป็นรองอธิบดีกรมใดกรมหนึ่ง ที่สำคัญ ยังคัดค้านคำสั่งย้านนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีความรู้ด้านปะการัง อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ไปเป็น ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด(ผอ.ทสจ.) ตรัง เพราะมองว่าการย้ายครั้งนี้ เกิดจากเจตนาที่ไม่ต้องการให้ทรัพยากรธรรมชาติได้รับการจัดการอย่าง เต็มประสิทธิภาพ แต่เป็นการโยกย้ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล ทั้งนี้ยังมีการเผยแพร่รูปสัญลักษณ์ของทช.ในรูปแบบไว้ทุกข์ โดยระบุว่า ขอไว้อาลัยแด่กรมทรัะพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ทางสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย ได้มีการออกจดหมายเปิดผนึกท้วงติงการโยกย้ายบุคลากร โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ ในด้านการจัดการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล พร้อมจัดทำข้อเสนอต่อสังคมไทย ระบุว่า1. ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการบริหารจัดการ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านทะเลโดยตรง 2. เกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรดังกล่าวของภาครัฐ ควรมีความชัดเจนและสนับสนุนให้ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาชีพด้านนี้ ได้มีการพัฒนาตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเล

ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัด ทส.กล่าวว่า นายนิพนธ์ เป็นผู้ทำหนังสือขอย้ายกลับไปทำงานที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต แต่เนื่องจากยังมีผู้ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ จึงให้ไปดำรงตำแหน่ง ทสจ.ตรัง แทน ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ต้องย้ายนายนิพนธ์ เพราะไปขัดผลประโยชน์โครงการปะการังเทียมงบ 132 ล้านบาทนั้น ไม่เกี่ยวกัน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเอกสาร ยังไม่ได้เริ่มการประมูล โดยงบส่วนหนึ่งจำนวน 40 ล้านบาท อยู่ระหว่างการนำไปซื้อเรือประมงผิดกฎหมาย เพื่อนำไปทำเป็นปะการังเทียม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image