อย่ามองในแง่ร้าย! ‘ตร.กาฬสินธุ์’ ยันไม่เคยคุกคาม แจงยิบเหตุจับ ‘ลุง-ป้าเก็บเห็ด’ ชี้ นอภ.คุมคดี

จากกรณี นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ พา นายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี และนางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยาชาวกาฬสินธุ์ จำเลยในคดีบุกรุกแผ้วถางป่าไม้ ยึดถือ ครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำไม้หวงห้ามและมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูป โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ภายหลังเข้าไปเก็บเห็ดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บ้านหนองกุงไทย หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ท้องที่ สภ.ยางตลาด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 15 ปี คดีอยู่ในชั้นศาลฎีกา เข้าพบ ร.ต.อ.มานพ เดื่อมทั้น รองสารวัตร (สอบสวน) กก.3 บก.ป.เพื่อลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐานกรณีอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีข่มขู่คุกคาม เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นั้น

พล.ต.ต. อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าว ยืนยันว่าไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด เหตุใดจึงมองตำรวจในแง่ร้าย เรื่องนี้หลังจากมีข่าวว่าลุงกับป้าไม่สบายใจเรื่องคดี ตนก็เรียกสำนวนมาดู ทราบว่าคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 แล้ว จึงได้สั่งการไปยังผกก.สภ.ห้วยเม็ก ให้ไปหาลุงกับป้าที่บ้าน ไปสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไปอธิบายกระบวนการให้เข้าใจ และบอกไปด้วยว่าตนยินดีไปพบ หรือจะให้ตำรวจพามาพบตนที่ ภ.จว.ก็ได้

ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า รับรายงานว่าเมื่อตำรวจซึ่งแต่งเครื่องแบบไปถึงที่บ้านพบว่าทั้งคู่ไม่อยู่ ญาติที่อยู่บอกว่าหากจะติดต่อให้โทรศัพท์ไปหาโดยหมายเลขโทรศัพท์ติดอยู่ที่หน้ารถ 6 ล้อของนายอุดม ที่จอดอยู่ ตำรวจก็ไปดู ไม่ได้ค้น รื้ออะไรเลย เมื่อได้เบอร์ก็โทรศัพท์ไปหา แต่มีญาติรับสายแทนบอกว่าไม่คุยกับตำรวจ มีอะไรให้คุยกับทนายเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นตนก็ถือว่าเอาที่สบายใจแล้วกัน คดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว เราไม่ก้าวล่วง แต่หากมีอะไรติดใจที่ทำให้ทั้งสองคนไม่สบายใจ หากถึงกระบวนการที่ตำรวจช่วยเหลือได้มีพยานหลักฐานใหม่ที่สืบสวนหาได้ก็ยินดี ยืนยันว่าเจตนาที่ตำรวจไปพบทั้งสองคนเพื่อสอบถามด้วยความห่วงใย ยินดีช่วยเหลือให้คลายความไม่สบายใจในฐานะประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ก็ไม่เข้าใจเหตุใดแปลเจตนาผิด แต่ก็ไม่อยากตอบโต้ คดีนี้ตำรวจไม่ใช่คู่กรณี  การทำสำนวนก็มีฝ่ายปกครองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน

ด้าน พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ ผกก.สภ.ยางตลาด กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นในปี 2553 ก่อนตนเป็น ผกก.สภ.ยางตลาด แต่หลังจากทราบว่าคดีนี้สื่อมวลชนให้ความสนใจ ก็ได้คัดสำนวนคดีนี้มาตรวจสอบ  พล.ต.ต.อภิชิต ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้เรียกตนและผู้เกี่ยวข้องเข้าพบ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยก่อนแถลงข่าวในวันนั้น ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สอบถามตนว่า นายอุดม และนายแดง เป็นอย่างไรบ้าง ตนก็บอกว่า บ้านพักของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในท้องที่ สภ.ยางตลาด พล.ต.ต.อภิชิต จึงสั่งการไปยังสภ.ห้วยเม็ก ให้ไปติดต่อสอบถามว่าเป็นอยู่อย่างไร อยู่ดีหรือไม่ มีอะไรตำรวจช่วยเหลือ และเชิญให้มาพบ ผบก. แต่หากไม่สะดวก ผบก.จะไปพบด้วยตัวเอง มีการสั่งการและดำเนินการเช่นนี้ ตนยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ไปข่มขูู่คุกคามเลย เพียงแต่ไปสอบถามความเป็นอยู่และไปชี้แจง พร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่เชื่อใจตำรวจ

Advertisement

ผกก.สภ.ยางตลาด กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบย้อนหลังถึงสำนวนคดีนี้ ตามท้องสำนวน พบว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ออกตรวจท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง พบกลุ่มบุคคลประมาณ 3-4 คน กำลังร่วมกันตัดไม้และพบไม้สักถูกตัดโค่นล้ม จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบุคคลดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ต่างพากันหลบหนีไป แต่จากการตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คัน จึงยึดไว้ตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบพื้นที่ พบว่าป่าสงวนแห่งชาติถูกบุกรุกแผ้วถางรวมเนื้อที่ 72 ไร่ ตรวจยึดไม้สักและไม้กระยาเลยท่อนที่ถูกตัดโค่นลงจำนวน 1,148 ท่อน สอดคล้องกับข่าวการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่ามีการแผ้างถางป่ามานาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ปกครอง จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง พร้อมกับเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท. บดินทร์ ทรงหอม พนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด สมัยนั้นให้ดำเนินคดี แต่ว่า พ.ต.ท.บดินทร์ เจ้าของคดี ซึ่งได้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว

“คดีนี้เมื่อร้องทุกข์ก็มีการสืบสวนและสอบสวน มีพยานบุคคลชี้ภาพถ่ายยืนยันว่า กลุ่มคน 3-4 คนที่หลบหนีไปในครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คือ นายอุดม และนางแดง ซึ่งขณะนั้นมีอายุ45-46 ปี ประกอบกับการสืบสวนอีกด้านพบว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ มีนายอุดมเป็นผู้ครอบครอง เมื่อหลักฐานสอดคล้องกันพนักงานสอบสวนก็ดำเนินคดี ตอนแรก เรียกทั้ง 2 คนมาสอบในฐานะพยาน เมื่อพยานหลักฐานชัดเจนว่าร่วมกระทำผิดก็แจ้งข้อกล่าวหา ออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหา ให้รับทราบข้อกล่าวหาและปล่อยตัวไป ไม่มีการควบคุมตัว ในช่วงการทำคดีนี้ นายประทีป ฤทธิกุล นายอำเภอยางตลาด ในสมัยนั้น เข้าควบคุมการทำสำนวนคดีนี้ด้วย โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2523 เข้าควบคุมการสอบสวนเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และมอบหมายให้ นายเทอดศักดิ์ คุณอุดม ปลัดอำเภอยางตลาดในตอนนั้นร่วมเป็นพนักงานสอบสวน กับ พ.ต.ท.บดินทร์ เมื่อสรุปสำนวนแล้วก็ส่งให้พนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครองทำขึ้นไป ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาล” ผกก.สภ.ยางตลาด กล่าว และว่า จากการตรวจสอบพบว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนตำรวจและฝ่ายปกครองดำเนินการตามขั้นตอนทำไปตามพยานหลักฐาน และยืนยันว่าไม่มีการข่มขู่คุกคาม อยากให้สังคมรับฟังข้อเท็จจริงอีกด้าน ขณะนี้กระแสไปกันใหญ่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image