| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายณรงค์ คงคำ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิก (กอภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิกว่า จากการประชุมร่วมกับผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้นำท้องถิ่น พิจารณาร่างแผนการจัดโซนนิ่งภูทับเบิกที่แบ่งพื้นที่เป็น 4 ประเภท ได้แก่ พื้นที่อยู่อาศัย ป่าไม้ ประกอบอาชีพเกษตรกร และผ่อนปรนเพื่อค้าขาย จัดทำโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ทั้งนี้ จะนำร่างแผนดังกล่าวไปประชาพิจารณ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอให้ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประมาณปลายเดือนนี้ หรืออย่างช้าต้นเดือนเมษายน
นายณรงค์กล่าวอีกว่า สำหรับร่างแผนโซนนิ่งที่ สจล.เสนอมานั้น จะแจ้งพิกัดชัดเจนเลยว่า พื้นที่ใดบ้างเสี่ยงต่อดินถล่ม หรือขวางทางน้ำ หรือเป็นพื้นที่ทางธรรมชาติที่ไม่ควรมีสิ่งปลูกสร้าง เพื่อปรับปรุงรื้อถอน นอกจากนั้น สจล.ยังเสนอเรื่องอาชีพของคนในพื้นที่ โดยอยากให้ราษฎรหันมาปลูกต้นไม้ที่ให้ผลผลิตแบบยืนต้น เช่น กาแฟ ที่สามารถปลูกในป่าได้ แทนการปลูกกะหล่ำปลีที่ใช้สารเคมีมาก ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบ ศูนย์พัฒนาชาวเขาก็มีความพร้อมอยู่แล้ว ทั้งเรื่องเมล็ดพันธุ์ องค์ความรู้การปลูก เพราะทำกับราษฎรชาวไทยภูเขาอยู่แล้ว
“จากการลงพื้นที่ไม่ค่อยพบการก่อสร้างรีสอร์ตที่พักใหม่แล้ว อาจมีปรับปรุงบ้างในรีสอร์ตที่มีอยู่แล้วเพื่อให้มั่นคงแข็งแรง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราอนุญาต เพราะจะทำถูกต้องได้นั้นต้องรอแผนแม่บทผ่าน ครม. ส่วนจะมีการผ่อนปรนอย่างไรก็ต้องดู แต่ระหว่างนี้กรมป่าไม้ก็กำลังดำเนินการฟ้องร้องคดีผู้ประกอบการ 95 แห่ง ในจำนวนดังกล่าว 18 รายอยู่ระหว่างบังคับคดีเพื่อทำการรื้อถอน” นายณรงค์กล่าว
ถามว่าในส่วนราษฎรอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชาวไทยภูเขาเดิม แต่ไปใช้ประโยชน์พื้นที่จะเป็นอย่างไร นายณรงค์กล่าวว่า หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยต้องรื้อถอนแน่นอน ตรงนี้รวมถึงชาวไทยภูเขาเดิมด้วย แต่หากเป็นพื้นที่อื่นๆ ก็ต้องดูว่า ครม.จะผ่อนปรนแค่ไหน ขณะที่ผู้ประกอบการรีสอร์ตที่พัก ไม่ว่าจะชาวเขาเดิมหรือราษฎรมาใหม่ ก็ถือว่าผิดวัตถุประสงค์หมด
ณรงค์ คงคำ
