เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีมีผู้เสียหายแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 บุกเข้าตรวจค้นบ้านและเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีเรื่องอาวุธปืนว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (บก.ภ.จว.สงขลา) ว่า สภ.คลองหอยโข่ง ได้รับแจ้งความเมื่อวันที่ 17 มกราคม เวลาประมาณ 15.00-17.00 น. ชายฉกรรจ์ 7-8 คน เดินทางโดยใช้รถยนต์ 2 คัน รถยนต์ 1 คัน มาที่บ้านของผู้กล่าวหาและได้แสดงบัตรที่แขวนคอให้ผู้ถูกกล่าวหาดู โดยแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.สงขลา และพกอาวุธปืนที่เอวเข้าไปตรวจค้นบ้านของผู้กล่าวหาโดยไม่มีหมายค้น โดยทำการค้นเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ช่วงที่สอง ผู้ต้องหา 2 คน ได้เข้าไปค้นที่ตู้เสื้อผ้าในครัว โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เข้าไปดูด้วย จนกระทั่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาดูว่าพบอาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก อยู่ในตู้เสื้อผ้า โดยผู้ถูกกล่าวหายืนยันว่าไม่ใช่ของผู้ถูกกล่าวหา
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่อว่า จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เรียกร้องให้ผู้ถูกกล่าวหานำเงินมาให้ จำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อรองเหลือ 55,000 บาท และสั่งให้ภรรยาของผู้ถูกกล่าวหานำอาวุธปืนพกสั้นของผู้ถูกกล่าวหา ที่มีใบอนุญาตให้มีและใช้ไปจำนำไว้กับญาติเพื่อนำเงินมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 55,000 บาท เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจำนวน 55,000 บาทแล้ว ได้พากันออกจากบ้านผู้ถูกกล่าวหาพร้อมอาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ที่ตรวจค้นพบ ต่อมาบุตรชายผู้เสียหาย กลับมาจากที่ทำงานได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและตรวจสอบเงินสด จำนวน 7,500 บาท ที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าหายไป จึงได้พากันมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ที่อ้างตัวเป็น ป.ป.ส. ต่อไป
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เพื่อคลี่คลายคดีและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ จากการสืบสวนสอบสวนผู้เสียหายสามารถยืนยันชี้ภาพผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้จำนวน 4 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ทั้ง 4 คน โดยทางกองบัญชาการต้นสังกัด ได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 4 คน มาช่วยราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ศปก.ตชด.)
รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.คลองหอยโข่ง แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนติดตัวมาขู่เข็ญ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในเคหสถาน โดยมีอาวุธ และร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง ได้สืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาในกลุ่มนี้อีก 4 คน
รองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ไปรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดเสียเอง หากพบว่ากระทำความผิดจริง ซึ่งไปรีดไถหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามที่ถูกกล่าวหา จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่เอาคนประเภทนี้ไว้อยู่แล้ว และไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน คนไม่ดีเราไม่เอาไว้ พร้อมกันนี้ต้องเร่งคืนความชอบธรรมให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน