เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายธีรพล ขุนเมือง ผู้ตรวจกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสนองนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเริ่มมาตรการประหยัดพลังงานช่วยชาติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งการปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานและปิดไฟช่วงพักกลางวัน การปิดคอมพิวเตอร์หากไม่มีการใช้งาน เปิดแอร์ช่วงเช้าเวลา 9.00 น. ปิดแอร์ช่วงพักกลางวัน และปิดแอร์ก่อนเลิกงานเวลา 16.00 น.เป็นต้นไป รวมถึงถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า กาต้มน้ำร้อน วิทยุ ทีวี และสวิตช์รางปลั๊กไฟต่างๆ หากไม่มีการใช้งาน และไม่ใช้ลิฟต์ในการขึ้น-ลงเพียงชั้นเดียว รวมถึงให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดยไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ปิดน้ำในขณะแปรงฟัน ใส่ขวดพลาสติกลงในถังชักโครกลดการสิ้นเปลือง เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับมาตรการดังกล่าวมีการรณรงค์ให้ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน อีกทั้งให้ลดการใช้กล่องโฟมเป็นภาชนะใส่อาหารภายในศูนย์อาหารของกระทรวงแรงงาน และให้มีการคัดแยกขยะออกเป็นขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะอันตราย และขยะรีไซเคิล เพื่อให้ง่ายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการขยะ
“การรณรงค์ของกระทรวงแรงงาน มีการจัดทำโปสเตอร์ สื่อสารผ่านเสียงตามสาย เพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ชาวกระทรวงแรงงานได้ตระหนักและร่วมมือกันลดการใช้พลังงาน การใช้น้ำอย่างประหยัด และคัดแยกขยะ รวมถึงสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เกิดจิตสำนึกร่วมมือกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง” นายธีรพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 ถึงการบริหารจัดการขยะ เพื่อให้เกิดความความสะอาดและลดโรคระบาด โดยเริ่มจากการแยกขยะ และให้ทุกหน่วยงานทุกสถานที่ราชการจะต้องมีการแยกขยะ รวมถึงการประหยัดพลังงาน 4 ป ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ซึ่งขอให้พยายาม “ปิด” ไฟดวงที่ไม่จำเป็น “ปรับ” อุณหภูมิแอร์มาที่ 26 องศาเซลเซียส “ปลด” ปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน “เปลี่ยน” มาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่เป็นสัญลักษณ์การประหยัดพลังงาน เปลี่ยนมาใช้หลอด LED ที่ช่วยประหยัดพลังไฟฟ้าได้กว่าร้อยละ 80 เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน 20 ปีข้างหน้า ตามที่สัญญาไว้กับประชาคมโลก ทุกประเทศในโลกต้องลดให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 25-30
