เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อย.มีการขับเคลื่อนงานก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน เช่น การขึ้นทะเบียนยาและขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงในหลายเรื่องเพื่อให้ อย.เป็นองค์กรที่คุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เป็นอุปสรรคแต่ที่มีการเสนอให้ปรับรูปแบบ อย.กลายเป็นองค์การมหาชนหรือหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ(Service Delivery Unit : SDU) นั้นจากการที่ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คงเป็นไปได้ยากและไม่สามารถดำเนินการได้ จึงจะเสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจทางกฎหมายที่มีอยู่ในการแก้ไขกฎ ระเบียบบางอย่างที่บังคับใช้กับอย.แต่ทำให้เกิดอุปสรรคในการขับเคลื่อนงาน
“กฎ ระเบียบที่มีการใช้กับ อย. อยู่ในปัจจุบันหลายส่วนทำให้การดำเนินงานติดขัด ต้องเสนอให้รัฐบาลแก้ไข อาทิ ประกาศเรื่องค่าธรรมเนียมในการขึ้นทะเบียนตำรับยา ที่ปัจจุบันเรียกเก็บเพียงรายการละ 2,000 บาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจริงสูงกว่ามาก เช่น ยาใหม่ สารเคมีใหม่ ชีววัตถุใหม่ จะมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท สิ่งนี้จำเป็นต้องพัฒนา แก้ไขให้เกิดความสมดุล ซึ่งภาครัฐไม่ได้ต้องการกำไรแต่ต้องทำให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายจริงตามความเป็นจริงที่ต้องดำเนินการ เชื่อว่าผู้ประกอบยินดีที่จ่ายค่าขึ้นทะเบียนตามอัตราใหม่ เพราะทำให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้นและค่าใช้จ่ายการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศสูงกว่ามาก ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมใหม่จะเป็นเท่าไหร่อาจจะไม่มีการกำหนดตายตัว เพราะแต่ละรายการไม่เหมือนกัน อยู่ที่ระดับความซับซ้อนของเรื่องที่ยื่นขึ้นทะเบียนด้วย จึงจะต้องพิจารณาตามความเป็นจริง” นพ.ปิยะสกลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูล ณ วันที่ 20 มีนาคม 2559 อย. เร่งรัดคำขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ดังนี้ ผลการพิจารณาคำขอที่ยื่นก่อน 1 กรกฎาคม 2558 ผลิตภัณฑ์ยา ดำเนินการแล้วเสร็จ 1,990 รายการ และอาหาร 321 รายการ และคำขอที่ยื่นหลัง 1 กรกฎาคม 2558 ผลิตภัณฑ์ยาดำเนินการแล้วเสร็จ 9,262 รายการ จากที่รับเรื่อง 12,121 รายการ อาหาร 55,685 รายการ จาก 57,638 รายการ เครื่องมือแพทย์ 7,939 รายการจาก 8,096 รายการ เครื่องสำอาง 123,420 รายการ แล้วเสร็จ 100 % วัตถุอันตราย 1,662 รายการ จาก 1,721 รายการ วัตถุเสพติด 676 รายการ จาก 751 รายการ และผลิตภัณฑ์นำเข้า 12,591 รายการดำเนินการแล้วเสร็จ 100 %
