กรมป่าไม้ยึดคืนแก่งกระจาน500ไร่ ตัดสิทธิชาวบ้าน ขอที่ทำกินแต่เอาไปขายนายทุน

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ จ.เพชรบุรี จำนวนกว่า 500 ไร่ จึงให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลจนทราบแน่ชัดว่าเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือจากราษฎรไปเป็นของนายทุน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้นายสมชัย มาเสถียร รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร และคณะเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและปราบปรามภาคกลาง ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ ซึ่งพบว่าเป็นสวนยางพาราสลับกับไร่สับปะรดจำนวน 2 แปลง บริเวณบ้านลำตะเคียน หมู่ที่ 4 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 448-2-72 ไร่ และเนื้อที่ 87-1-46 ไร่ รวมเนื้อที่ 536-0-18 ไร่ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ได้ดำเนินการสำรวจสภาพพื้นที่และจำนวนราษฎร เพื่อทำการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2540 เพื่อช่วยให้ราษฎรที่มีความจำเป็นในการครองชีพ มีที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง ไม่ไปบุกรุกแผ้วถางป่าไม้ต่อไปอีก โดยไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่ราษฎร แต่สามารถโอนสิทธิทำกินเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทได้ ดังนั้นพื้นที่เหล่านี้จึงยังมีสถานะเป็นป่าและอยู่ในความควบคุมของกรมป่าไม้

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า เมื่อราษฎรที่มีรายชื่อในทะเบียนสำรวจที่เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ นำพื้นที่ป่าไปขายให้กับบุคคลอื่นถือเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิ์การเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน และจะไม่มีสิทธิ์ในการขอที่ดินทำกินอีกต่อไป ส่วนนายทุนที่ทำการซื้อที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่ป่ามาจากราษฎร ถือเป็นการแสดงเจตนาที่จะยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าอย่างผิดกฎหมาย แม้ว่าจะไม่มีสภาพความเป็นป่าแล้วก็ตาม ยังถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท และจะมีการขยายผลติดตามตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image