พส.แจงตั้งสอบวินัยร้ายแรง ผอ.ศูนย์ขอนแก่นจริง รู้ผลเดือนนี้

นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.)

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง ว่า พส.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัด 59 แห่ง ในพื้นที่ 43 จังหวัด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง จำนวน 27 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ ส่วนหน่วยงานอีก 24 แห่ง ตรวจสอบพบมีมูลความผิดกรณีปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและอาจมีการทุจริต ซึ่งได้ดำเนินการสั่งย้ายหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากหน่วยงาน จำนวน 16 แห่งรวม 22 คน

นางนภากล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการสอบทุจริต ในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเชียงใหม่ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการทางวินัย อย่างในส่วนศูนย์ขอนแก่น ได้สั่งพักราชการข้าราชการและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง จำนวน 2 คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์ และหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง จำนวน 3 คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์ เจ้าพนักงานพัฒนาสังคม และพนักงานพิมพ์ดีด คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ ส่วนศูนย์เชียงใหม่ ได้ดำเนินการสอบวินัยอย่างร้ายแรง จำนวน 3 คน โดยได้สั่งพักราชการ จำนวน 1 คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์ คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ พส.ได้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเพิ่มเติม 10 แห่งรวม 45 คน อาทิ ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดพัทลุง, สุราษฎร์ธานี, ตราด, หนองคาย นิคมสร้างตนเองสุคีริน จังหวัดนราธิวาส, รัตภูมิ จังหวัดสงขลา, ควนขนุน จังหวัดพัทลุง, ตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่

ถามว่าการตั้งสอบผู้อำนวยการศูนย์ขอนแก่น ทั้งอย่างร้ายแรงและไม่ร้ายแรง เป็นการทำงานซ้ำซ้อนและมีผลแตกต่างอย่างไรหรือไม่ นางนภากล่าวว่า การสอบศูนย์ขอนแก่นถือเป็นเคสแรกๆ ที่ตนอยากให้เป็นแบบอย่างของศูนย์จังหวัดอื่นๆ จึงบอกเจ้าหน้าที่ทำให้รัดกุม รอบคอบ ซึ่งคณะที่ไปตรวจสอบก็พบมีมูลความผิดฐานทุจริต ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ปล่อยปละละเลยจนเกิดปัญหา นักกฎหมายของ พส.จึงเสนอตนให้มี 2 คำสั่งคือ ตั้งสอบวินัยร้ายแรงและสอบไม่ร้ายแรง แม้จริงๆ การสอบวินัยร้ายแรงจะครอบคลุมหมดทุกอย่างแล้ว แต่เพราะห่วงถึงความรอบคอบจึงมี 2 คำสั่งดังกล่าว ไม่ใช่ตั้งสอบวินัยไม่ร้ายแรงอย่างที่เข้าใจคลาดเคลื่อนในโลกออนไลน์ ทั้งนี้ คิดว่าไม่เป็นการทำงานซ้ำซ้อน เพราะก็สอบเรื่องเดียวกัน และสุดท้ายเวลาลงโทษก็จะดูโทษทางวินัยร้ายแรงเป็นหลัก ฉะนั้นต้องถือว่าการมีคำสั่งอีกฉบับไม่ได้เสียหายอะไร

“ในส่วนเคสศูนย์ขอนแก่น ได้คุยกับนักกฎหมายว่าต้องทำให้เร็วที่สุด พยายามให้ทันสิ้นเดือนเมษายนนี้ และสมมุติว่าเมื่อลงไปสอบเชิงลึกแล้วพบว่าใครผิดอีก ก็ต้องสอบเพิ่มและลงโทษต่อ” นางนภากล่าว

Advertisement

ถามถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับข้าราชการและบุคลากร พม.มีเอี่ยวทุจริตเงินสงเคราะห์ จำนวน 95 ราย โดยเฉพาะระดับหัวหน้าหน่วย 20 ราย ที่สำนักงาน ป.ป.ท.ส่งข้อมูลให้นั้น นางนภากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้โยกย้ายใครออกเลย แต่กำลังออกคำสั่งโยกย้ายและตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับหัวหน้าหน่วยทั้ง 20 รายดังกล่าวอยู่ เนื่องจากอยากทำรอบคอบ เกรงว่าจะพลาด ขณะที่ข้อมูล ป.ป.ท.ที่ส่งมาสามารถตั้งสอบสวนวินัยร้ายแรงได้เลย ไม่ต้องย้อนกลับไปตั้งสอบข้อเท็จจริงอีก ส่วนคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงก็จะทยอยตั้งให้ครบทั้ง 20 ชุด เบื้องต้นจะให้มีระดับผู้บริหารเป็นประธาน มีนักกฎหมายเป็นกรรมการ และข้อมูลรายชื่อข้าราชการและบุคลากรมีเอี่ยวทุจริตล็อต 2 ทาง ป.ป.ท.ยังไม่ได้ส่งมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image