เมื่อวันที่ 20 เมษายน สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เผยแพร่จดหมายถึงประธานคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เนื้อหาเกี่ยวข้องกับกรณีรื้อถอนบ้านเรือนในชุมชนป้อมมหากาฬ พร้อมทั้งเผยแพร่จดหมาย 2 ฉบับผ่านเฟซบุ๊กของสมาคมฯ โดยระบุดังนี้
“สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัวแทนภาคประชาสังคมหน่วยเดียวที่ยังแอคทีฟได้ในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ได้ถึงยื่นหนังสือถึงบิ๊กป้อม (ปธ.กก.กรุงฯ) และผู้ว่าอัศวิน (กทม.) เพื่อแจ้งข้อสรุปจากการหารือกับผู้แทน กทม. ในการหาทางออกกรณีชุมชนป้อมมหากาฬ จากนี้ไปหากยังมีการรื้อถอนบ้านไม้ในชุมชนป้อมมหากาฬต่อ สมาคมสถาปนิกสยามฯ จำเป็นจะต้องฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เกิดการคุ้มครองบ้าน และหาผู้รับผิดชอบต่อไป”
สำหรับ ข้อความในจดหมายมีดังนี้
เรื่อง การเก็บรักษาและอนุรักษ์บ้านไม้โบราณในชุมชนป้อมมหากาฬ
เรียน ประธานคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า สิ่งที่ส่งมาด้วย รายงานผลการประชุมหารือร่วมกัน ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561 สืบเนื่องจากการที่ประธานคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า (คณะกรรมการกรุงฯ) ได้มอบหมายให้สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สมาคมสถาปนิกสยามฯ) จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันเพื่อแสวงหาและกำหนดแนวทาง ในการแก้ไขปัญหาจากกรณีการเก็บรักษาและอนุรักษ์บ้านไม้โบราณในชุมชนป้อมมหากาฬ จำนวน ๑๘ หลัง นั้น ในการนี้สมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้จัดให้มีการประชุมดังกล่าวขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561 เวลา 14.00 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ปรากฏผลจากการประชุมสรุปได้ว่า ผู้แทนสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เห็นว่า แม้ว่าขณะนี้จะได้มีมติของที่ประชุมคณะกรรมการกรุงฯ จะได้รับรองมติของที่ประชุมผู้แทน 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนฝ่ายความมั่นคง ผู้แทนสมาคมสถาปนิกสยามฯ และผู้แทนชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อการเก็บรักษาและอนุรักษ์บ้านไม้โบราณในชุมชนป้อมมหากาฬ จำนวน 18 หลังไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้มีการออกกฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์บริเวณป้อมมหากาฬแล้ว กรุงเทพมหานครยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องเข้าครอบครองที่ดินและรื้อถอนบ้านต่อไป เพื่อรายงานความคืบหน้าในการรื้อถอนบ้านไม้โบราณดังกล่าว ต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 อย่างต่อเนื่องด้วย โดยที่มติของที่ประชุมคณะกรรมการกรุงฯ ดังกล่าวข้างต้น เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. 2546 ผูกพันกรรมการทุกคนรวมถึง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ผู้แทนสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร แจ้งว่าขณะนี้กรุงเทพมหานครยังไม่ได้รับแจ้ง มติเกี่ยวกับการเก็บรักษาและอนุรักษ์บ้านไม้โบราณในชุมชนป้อมมหากาฬ จำนวน 18 จากคณะกรรมการกรุงฯ ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงจำเป็นต้องทำการรื้อบ้านไม้โบราณ เพื่อนำพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬมาจัดทำสวนสาธารณะต่อไป จากปัญหาข้อโต้แย้งในการปฏิบัติให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกรุงฯ ที่เกิดขึ้นนี้ ที่ประชุมหารือร่วมกันจึงมีมติเห็นควรขอให้ประธานคณะกรรมการกรุงฯ มีคำสั่งแจ้งไปยัง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อมีคำสั่งให้ พนักงานเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครระงับการรื้อถอน หรืออนุญาตให้รื้อถอนบ้านไม้โบราณ ในส่วนที่เหลืออยู่ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีมติของที่ประชุมคณะกรรมการกรุงฯ ในเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไรเสียก่อน อนึ่ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเก็บรักษาและอนุรักษ์บ้านไม้โบราณจำนวน 18 หลัง ในชุมชนป้อมมหากาฬ อันเป็นบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกรุงฯ ที่จะต้องรักษาและอนุรักษ์ไว้ นั้น สมาคมสถาปนิกสยามฯ ใคร่ขอให้คณะกรรมการกรุงฯ ได้โปรดพิจารณาและดำเนินการแก้ไขวัตถุประสงค์ในการเวนคืนพื้นที่บริเวณชุมชนป้อมมหากาฬ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. 2546 อันเป็นระเบียบที่มีผลบังคับทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกรุงฯ ในการเก็บรักษาบ้านไม้โบราณในชุมชนป้อมมหากาฬ จำนวน 18 หลัง อันเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติและชุมชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 รวมทั้งเพื่อก่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายของกรรมการทุกฝ่ายที่ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการกรุงฯ ด้วย
ขอแสดงความนับถือ
นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ (นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์)