ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 22 มกราคม สภาวะภัยแล้งที่กำลังทวีความรุนแรงส่งผลให้นาข้าวในพื้นที่ อ.วัดสิงห์ จำนวนกว่า 30,000 ไร่ ถูกทิ้งให้รกร้างไม่มีการเพาะปลูกพืชใดๆ ส่วนทางด้านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทสถานการณ์ยังวิกฤตต่อเนื่องโดยเหลือน้ำใช้ได้อีกเพียง 178 วัน ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าทุ่งนาจำนวนกว่า 30,000 ไร่ ในอำเภอวัดสิงห์ ที่เคยเป็นพื้นที่เกษตรมีการปลูกข้าว และพืชเศรษฐกิจชนิดต่างๆ แต่จากสภาวะภัยแล้งตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรในแถบนี้ตัดสินใจไม่ลงมือเพาะปลูก เพราะกังวลว่าผลผลิตจะเสียหายจากความแห้งแล้ง ที่มาเร็วและอาจจะยาวนานกว่าปีก่อนๆ ซึ่งจะทำให้ประสบกับการขาดทุน เมื่อตรวจสอบแหล่งน้ำในชุมชนก็พบว่า สระน้ำหลายแห่ง น้ำเริ่มแห้งขอดจนเกือบหมดบ่อ บางส่วนเห็นผิวดินแตกระแหง จากโคลนที่ถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์แผดเผา
ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุดวันนี้ ตรวจสอบระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อนลดลงไปอยู่ที่ 13.86 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต่ำกว่าระดับวิกฤต 14 ซม. ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 5.96 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยเขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ ผลักดันน้ำเค็มและผลิตน้ำประปา ในจังหวัดภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมชลประทานได้ยุติการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจากปริมาณน้ำในปัจจุบันจะเหลือน้ำใช้ได้อีก 178 วัน
