‘บิ๊กโย่ง’ เปิดผลสอบ ‘อดีตปลัดพม.’ ถูกฟันวินัยร้ายแรง พร้อมพวก10คน เซ่นทุจริตเงินคนจน

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ.) ประจำกระทรวงพม. ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาผลสอบวินัยร้ายแรง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น และหัวหน้าฝ่ายจัดสวัสดิการสังคม ศูนย์ฯ ขอนแก่น ตามที่คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงได้พิจารณาโทษไล่ออกข้าราชการทั้ง 2 รายดังกล่าว โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบถึงบทลงโทษดังกล่าว มีการซักถามประเด็นต่างๆด้วยเหตุและผล จนมีมติเห็นว่าผลการพิจารณามีมูลที่จะลงโทษทั้ง 2 รายได้ โดยจะมีคำสั่งลงโทษอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์หน้า

พล.อ.อนันตพร กล่าวอีกว่า ส่วนการสอบวินัยร้ายแรงที่ศูนย์ฯเชียงใหม่และที่อื่นๆ อยู่ระหว่างทยอยทำ เนื่องจากคณะกรรมการได้ตั้งทีละชุดในการพิจารณา ในที่ประชุมก็มีการซักถามถึงการดำเนินการของกรรมการ ทำไมต้องใช้ขั้นตอนมาก กรรมการได้ชี้แจงว่าเนื่องจากก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ โดยเฉพาะหลักฐานที่เป็นเอกสาร ทำให้เราไม่มีหลักฐานเลย จึงต้องลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านที่รับเงินสงเคราะห์รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา อย่างกรณีศูนย์ฯขอนแก่น มีคนรับเงินสงเคราะห์ 2,000 กว่าคน การลงพื้นที่เก็บข้อมูลจึงต้องใช้เวลานาน ขณะที่กรรมการของกระทรวงและกรมมีไม่มาก จึงต้องทยอยออกไปซึ่งใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตาม จากนี้ได้ขอสำเนาเอกสารข้อมูลจากป.ป.ท.เพื่อจะประสานการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ถามถึงผลสอบสวนวินัยร้ายแรง นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดพม. และนายณรงค์ คงคำ อดีตรองปลัดพม.นั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ได้รายงานความก้าวหน้าการสอบสวนด้วยวาจามายังตนแล้วเมื่อเย็นวันที่ 3 พฤษภาคม สรุปผลสอบมีมูลที่จะแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดร้ายแรงทั้งหมด 11 ราย ที่เหลือ 15 รายกันไว้เป็นพยาน ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้คณะกรรมการคงรายงานตนมาเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งทยอยแจ้งข้อกล่าวหาถึงผู้ถูกกล่าวหาทุกคน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะทราบว่าใครเป็นใคร ซึ่งในจำนวน 11 ราย ก็เท่าที่สื่อทราบก็มีอดีตปลัดและอดีตรองปลัดพม.ตามที่ปรากฏข่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตามระเบียบ ก.พ.กำหนดระยะเวลา 15 วัน ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้นำหลักฐานมาหักล้างความผิด จากนั้นคณะกรรมการพิจารณาจะพิจารณาข้อแก้ต่างว่าฟังขึ้นหรือไม่ขึ้น หากฟังขึ้นก็ทบทวน ฟังไม่ขึ้นก็ลงโทษ คาดว่าสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้จะทราบผล โดยโทษวินัยร้ายแรงคือไม่ให้ออกก็ไล่ออก

ถามว่าใน 11 รายชื่อถือเป็นผู้บงการทุจริตเงินสงเคราะห์หรือไม่นั้น พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า ก็ถือว่าใช่ มั่นใจว่าเป็นผู้ดำเนินการหลัก ซึ่งคณะกรรมการได้มีการสอบปากคำทั้งหมด 26 ราย ที่เหลือ 15 รายก็จะกันไว้เป็นพยาน แต่จะต้องถูกลงโทษตามเหตุการณ์ แต่อาจจะเบาหน่อย เพราะถือว่าช่วยเหลือราชการ

Advertisement

พล.อ.อนันตพรกล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการแก้ไขการจ่ายเงินสงเคราะห์ต่อจากนี้ จะมีความรอบคอบรัดกุมใน 3 ตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะมีแผนดำเนินการที่ชัดเจน โดยการจัดสรรเงินจะถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านระบบบัญชีธนาคาร ไม่ผ่านตัวบุคคล โดยมีคณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาตามฐานข้อมูลและเหตุผล ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ทั้งยังต้องมีการติดตามตรวจสอบอย่างจริงจัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image