องอาจ คล้ามไพบูลย์ จากประชาธิปัตย์ กับ อีกหลายๆ คนทั้งที่เป็นฝ่ายเดียวกันและเป็นฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมืองเริ่มออกอาการ “คล้ายๆ กัน”
นั่นคือ กันท่า !
ไม่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 (ถ้ามี)
คุณองอาจ ว่า นับตั้งแต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร การแสดงออกของนายกฯและคนในรัฐบาลมีนัยยะทางการเมืองมาโดยตลอด มีทั้งนัดพบกลุ่มอดีต ส.ส.ที่ทำเนียบรัฐบาลและตามสถานที่ต่างๆ มีการปูนบำเหน็จแต่งตั้งให้มีตำแหน่งในรัฐบาลกับในหน่วยงานที่สั่งได้ พร้อมกับมีข่าวรวบรวมอดีต ส.ส.เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหลังเลือกตั้ง
สอดคล้องกับ “ผลโพล” สดๆ ร้อนๆ จากสำนักนิด้าโพลว่าด้วยหัวข้อ “อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี”
มาเป็นอันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ร้อยละ 32.24)
อันดับ 2 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (ร้อยละ 17.44) พรรคเพื่อไทย
อันดับ 3 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ร้อยละ 14.24) หัวหน้าของคุณองอาจ
อันดับ 4 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ร้อยละ 10.08) พรรคอนาคตใหม่ และ
อันดับ 5 พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (ร้อยละ 7.92) พรรคเพื่อไทย
ทั้งที่ทุกคนยังไม่ได้เริ่มขยับทำกิจกรรมทางการเมือง เว้นแต่ “ประยุทธ์” ผู้มีอำนาจรัฐ จึงเป็นที่น่าอิจฉากับวาสนาเหนือบรรดาคู่แข่ง (ทางการเมือง) ที่ยังถูกปิดปาก และมัดมือมัดเท้าด้วยคำสั่งห้ามของ “หัวหน้า คสช.”
เช่นนี้ ย่อมนำมาซึ่ง “ความเขิน” เมื่อ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ต้องรับหน้าเสื่อตอบคำถามสื่อเรื่อง “โพลนิด้า” ที่มีคนเชียร์นายกฯตู่กับที่มีคนถากถางว่า หัวหน้า คสช.เอารัดเอาเปรียบ ปิดปากคู่แข่ง แต่ตัวเองเดินสายหาเสียงกับดูดกลุ่มการเมือง
“โฆษกไก่อู” ตอบได้ดีทีเดียวว่า
“การย้ายพรรคหรือรวมพรรคไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าคนนั้นจะได้เป็น ส.ส. ถ้าไม่มีผลงานและไม่ได้รับความไว้วางใจ ประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนด้วย”
นับตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 ล่วงผ่านมาจนเกือบครบรอบ 4 ปีรัฐประหารของ “คสช.” เพิ่งจะได้ยิน “คำนี้มีด้วยเหรอ”
“ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน”!?!!
