ยึดรถหรู 68 ล้าน เจ้าของเมจิกสกิน ‘วิระชัย’ ขอตรวจสอบปมเก่าขัดสันธนะ ปี47 เตรียมฟ้องกลับ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับบริษัทในเครือ เมจิก สกิน จำกัด ที่ผลิตอาหารเสริมไม่ได้มาตรฐาน พร้อมกับการติดตามยึด อายัด รถยนตร์หรูจำนวน 30 คัน พร้อมกันนี้ได้เปิดคลิปเสียงการสนทนาของนางวรรณภา พวงสน หนึ่งในผู้ต้องหา กับพวก โดยในคลิประบุว่ามีการยักย้ายถ่ายเทรถหรู และทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยึดทรัพย์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นางวรรณภา มีการครอบครองรถหรู จำนวน 15 คัน มูลค่ากว่า 40 ล้าน ส่วนนายกร พวงสน สามี หนึ่งในผู้ต้องหา มีการครอบครองรถหรูอีก 15 คัน มูลค่า 28 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 68 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังขอเตือนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายเท ซื้อขายทรัพย์สิน อาจจะเข้าข่ายมีความผิดและถูกยึด พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังกรมขนส่งหากพบการซื้อขาย โอน รถหรูดังกล่าว ให้แจ้งมายังพนักงานสอบสวน

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ขยายเวลาให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเครือข่ายเมจิกสกินให้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน โดยตอนนี้มีผู้เสียหายแล้ว 904 ราย เป็นทั้งกลุ่มที่จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าไปขายแต่ไม่ได้รับสินค้ากลุ่มที่จ่ายเงินแล้วได้รับสินค้าแล้วแต่สินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอาหารและยา กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สินค้า เช่น มีอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดรีบเข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเพื่อจะรวบรวมคดีมาที่ตน และเรียกร้องค่าเสียหายคืนในคราวเดียว เพราะหากไปฟ้องร้องเองหลังจากนี้ ผู้เสียหายจะต้องดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการฟ้องร้องต่างๆ

รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบ 3 นายพลว่า หนึ่งในนั้นมีตนรวมอยู่ด้วย ตนก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว สิทธิบุคคลที่ใครจะร้องเรียนก็ได้ ยืนยันการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมืองเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันทำตามหน้าที่ ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งและไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับว่าก็รู้จักในหน้าที่ ตนเป็นนักเรียนนายร้อย ตำรวจรุ่นเดียวกับน้องชายของพันตำรวจโทสันธนะ ก็รู้จักกันว่าเป็นตำรวจไม่ได้สนิทสนม ตั้งแต่เกิดเรื่องนายสันธนะ ไม่ได้โทรศัพท์มาคุยกับตน ย้ำว่าทำตามหน้าที่ ไม่กลัวถูกฟ้องกลับ ถ้าตำรวจกลัวผู้ต้องหา ประชาชนจะพึ่งใคร ถ้าทำเพื่อประชาชน กฎหมายจะคุ้มครองตัวเราเอง แต่ยอมรับว่าขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดีกับคนที่ละเมิดการทำงานของตนและขัดขวางการทำงานหรือทำให้เสียหาย แต่รอการดำเนินคดีเรื่องเมจิกสกินให้เสร็จสิ้นก่อน คดีมีอายุความสามารถดำเนินการได้ภายหลัง และหลังจากนี้จะไปตรวจสอบ ว่าตนเองกับพันตำรวจโทสันธนะเคยขัดแย้งอะไรกันแต่จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าในปี 2547 เคยมีเรื่องที่พันตำรวจโทสันธนะร้องเรียนตนสมัยเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการเกี่ยวกับที่ตนไปปราบปรามยาเสพติด แต่ยืนยันว่าการเข้าค้นตลาดใหม่ดอนเมืองไม่ค่อยทราบมาก่อนว่ามีใครดูแลหรือเป็นเจ้าของ ไม่มีเจตนาจะไปเอาคืนหรือล้างแค้นอะไร การดำเนินคดีกับพันตำรวจโทสันธนะก็เป็นไปตามกฎหมาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image