อันที่จริง ในท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้นภายหลัง “พุทธะอิสระ” ถูกจับกุม แล้วนายกรัฐมนตรีกับรองนายกรัฐมนตรีออกมา “ตำหนิ” การทำงานของตำรวจกับ “ขอโทษ” ที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีแบบนั้น คนที่มี “ความกระจ่างชัด” ผู้หนึ่งคือ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
พล.ต.ท.ฐิติราชบอกว่า ให้แยกแยะระหว่าง “ศรัทธา” กับ “ความถูกต้อง” ตำรวจทำงานตามหลักฐาน ไม่ใช่ตามใจตัว สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมแล้วตอนนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านจะได้รับการอนุโลมจากเรือนจำ ให้นุ่งขาว กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวอยู่แล้ว แต่ต่อไปก็ต้องใส่ชุด “ผู้ต้องขัง” หรือ “นักโทษ”
สลัดอัตตาแล้วจะเข้าใจอนิจจัง !
เห็นได้ชัดว่าในยามเผชิญกับภาวะวิกฤต นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีต “พุทธะอิสระ” ซึ่งอยู่ในผ้าเหลืองมานานนั้นสามารถควบคุมการแสดงออกของตัวเองได้โดย “ไม่เสียบุคลิก”
ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่แม้เคยผ่านชีวิตราชการทหารมาจวบจนเกษียณ แต่ก็ “ออกอาการ” ไม่งามเมื่อเผชิญกับ “คำถาม” เกี่ยวกับปฏิบัติการสายฟ้าแลบของตำรวจชุดที่ถลกมุ้งเข้าจับกุม “พุทธะอิสระ”
นั่นสะท้อนว่า “อดีตพุทธะอิสระ” 1 ในแกนนำ “กปปส.” คนนี้ไม่ใช่ธรรมดา !
แม้วันนั้น “พุทธะอิสระ” จะถูกบุกจับอย่างไม่ทันระวังตั้งตัว ทั้งยังจำต้อง “สละสมณเพศ” เดินเข้าสู่เรือนจำด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีขาว ในนาม “ผู้ต้องขังชาย สุวิทย์ ทองประเสริฐ” แต่ก็หาครั่นคร้ามตกอกตกใจจนเสียบุคลิกแต่อย่างใด
จากนั้นนายสุวิทย์ก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากเดิมที่ทำท่าจะสู้คดี “ปลอมและใช้พระปรมาภิไธย” นายสุวิทย์กลับบอกกับทนายความว่า “ทำจริง”
จากเดิมที่จะดิ้นขอ “ประกันตัว” ก็เปลี่ยนใจ
กล่าวแก่บรรดาสาวก “ถือว่ามาธุดงค์ในเรือนจำ”
พร้อมกับฝาก “วรรคทอง” ถึงบรรดาแฟนนานุแฟน ว่า
…อย่าได้กังวล อย่าได้เป็นห่วง อีกไม่นาน (ขอเวลาอีกไม่นาน) จะได้กลับไปใส่ผ้าเหลืองแล้ว
เพียงไม่กี่วันหลังถูกควบคุมตัวใน “เรือนจำ” มีอะไรเกิดขึ้นหรือ
ที่ถึงกับทำให้ “ผู้ต้องขังชาย-นายสุวิทย์” มั่นอกมั่นใจว่า การกลับมาครองผ้ากาสาวพัสตร์นั้นง่ายดุจดังเปลี่ยนเสื้อผ้าฆราวาส !?!!
