‘กทม.’ เดินหน้าปรับปรุงสวนสมเด็จย่าฯ เชื่อม ‘อุทยานสวนจตุจักร’ ปิดตำนาน หมอดูปูเสื่อ

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นางอารมย์ วงษ์มหา ผู้อำนวยการสำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรวมสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนจตุจักรและสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ให้เป็น “อุทยานสวนจตุจักร” ขนาดพื้นที่ 727 ไร่ ว่า ความคืบหน้าทางเชื่อมสวนสาธารณะทั้ง 3 แห่ง โดยทางเชื่อมที่ 1 ระหว่างสวนรถไฟกับสวนจตุจักร และทางเชื่อมที่ 2 ระหว่างสวนจตุจักรกับสวนสมเด็จฯ เป็นทางยกระดับพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 3 ส่วนทางเชื่อมที่ 3 เป็นการปรับปรุงสะพานไม้เดิมให้สวยงาม ขณะนี้ ภาพรวมเนื้องานเป็นไปตามแผน คาดปลายเดือนกรกฎาคมจะเปิดใช้ทางเชื่อมทั้ง 3 แห่งได้ ขณะเดียวกัน การดำเนินการปรับปรุงตลาดนัดเจเจกรีน พื้นที่ขนาด 26 ไร่ ภายในสวนสมเด็จฯ ซึ่งกทม.เช่าพื้นที่ของมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ให้ตลาดนัดเช่าต่อ โดยกทม.จะไม่ขอต่อสัญญาเช่าที่จะสิ้นสุดเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อนำพื้นที่คืนให้กับมูลนิธิฯ ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ ปัจจุบัน ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างนำเสนอเรื่องต่อพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เพื่อให้กทม.ช่วยสนับสนุนงบประมาณก่อสร้าง โดยที่มูลนิธิฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในออกแบบเอง

นางอารมย์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางเบื้องต้น ภายใต้ความคิด “จากภูผาสู่มหานที” โดยจะปรับปรุงให้สวนป่ารักน้ำ ภายในสวนสมเด็จฯ มีสายน้ำไหลลงมากลางสวน และปลูกต้นไม้ทรงปลูกทุกจังหวัดห้อมล้อมพื้นที่ พร้อมมีป้ายระบุว่าต้นไม้ทรงปลูกจังหวัดใดบ้าง ทั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน เส้นทางน้ำไหลจากสวนป่ารักษ์น้ำจะอนุญาตให้เด็กเข้าไปเล่นได้ อาทิ การหยิบจับก้อนหิน สัมผัสสายน้ำ ส่วนผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปก็สามารถนั่งดูบุตรหลานหรือนั่งริมสายน้ำได้ ส่วนความยากง่ายในการรื้อถอนโครงสร้างภายในตลาดนัดเจเจกรีนนั้น ส่วนโครงสร้างเหล็กและอาคาร เจ้าของแจ้งจะรื้อถอนเองทั้งหมด จึงไม่น่ามีปัญหาใด ส่วนพื้นปูน กทม.จะทุบออกทั้งหมด จากนั้นจะนำไปเป็นส่วนประกอบในการปรับปรุงสวน อาทิ พื้นที่เนินให้ดูเป็นมิติสวยงาม เป็นต้น

“ขณะนี้ ผู้ค้าบางส่วนเริ่มทยอยย้ายออกจากตลาดนัด เจเจกรีน แล้ว ซึ่งบริษัทผู้เช่าตลาดกับกทม.จะเป็นผู้จัดหาพื้นที่รองรับให้แก่ผู้ค้าเอง โดยกทม.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้ ส่วนท่าทีของบริษัทผู้เช่านั้นไม่ได้ต่อต้านหรือคัดค้านใด เนื่องจากทางมูลนิธิฯ แจ้งความประสงค์ในการไม่ต่อสัญญาเช่าแล้ว โดยทั้งหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้แก่กทม.” ผู้อำนวยการสำนักงานสวนฯ กล่าว

Advertisement

นางอารมย์ ยังกล่าวถึงการปรับปรุงสวนสมเด็จย่า 84 พรรษาใกล้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ว่า หลังกทม.รวม 3 สวนเป็นอุทยานสวนจตุจักรได้ จะเดินหน้าปรับปรุงสวนสมเด็จย่าฯ ให้กลายเป็นจุดนัดพบสังสรรค์ของประชาชน เป็นสถานที่นัดหมายโดยประชาชนไม่จำเป็นต้องเข้าไปภายในห้างก็ได้ จะจัดทำลานกิจกรรม ทุกช่วงเย็นอาจมีการเล่นดนตรีเพื่อให้ประชาชนเข้ามาพักผ่อน โดยกทม.จะไม่ปลูกต้นไม้เพิ่มแล้ว แต่จะเข้าไปตัดแต่งกิ่งไม้ให้โล่งโปร่งและเป็นรูปทรงสวยงาม ไม่ให้เป็นพื้นที่เปลี่ยว ซึ่งประชาชนมักร้องเรียนเข้ามายังกทม.เป็นประจำ รวมถึงจัดทำเก้าอี้นั่งด้วย ส่วนการปิดตำนานหมอดู สวนสมเด็จย่าฯ เรื่องนี้จะต้องหารือร่วมกันอีกครั้งหลังปรับปรุงสวนแล้วเสร็จว่าหมอดูจะสามารถเข้ามาตั้งโต๊ะภายในสวนได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลประชาชนกับปัญหาการจราจรติดขัด หากปิดถนนกำแพงเพชร 3 อย่างถาวร นางอารมย์ กล่าวว่า กทม.อยากผลักดันให้ปิดถนนกำแพงเพชร 3 เพราะอยากให้เป็นพื้นที่ถนนกลายเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในสวน เพราะจะได้สวนขนาดใหญ่ โดยประชาชนที่เดินทางมาออกกำลังกายไม่ต้องกังวลปัญหารถแล่นผ่าน อีกอย่าง กทม.อยากให้ถนนสายนี้สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ อาทิ ถนนคนเดิน ลานกิจกรรม ฯลฯ ขณะเดียวกัน กทม.ยังมีแนวคิดจะเสริมต้นรวงผึ้งและต้นราษพฤกษ์เข้าไปตลอดสองข้างทาง เพื่อช่วยให้ร่มเงา

Advertisement

“เมื่อเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา กทม.ได้ปิดถนนก่อสร้างทางเชื่อมมาแล้ว เป็นเวลา 1 เดือนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจราจร เพราะทุกวันนี้มีปริมาณรถแล่นผ่านไม่มาก แต่คนมักนำรถไปจอดทิ้งไว้ตามสองข้างทางเพื่อมาใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนรถที่มาใช้บริการสวนสาธารณะส่วนใหญ่จะนำไปจอดตามลานจอดรถที่จัดไว้ให้ นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้ออกแบบลานจอดรถใต้ดิน ภายในสวนสมเด็จฯ รองรับได้ 300-400 คันด้วย แต่อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้พื้นที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หากทางรฟท.อนุมัติแล้ว มูลนิธิฯ จะนำเสนอแนวคิดลานจอดรถไปพร้อมกับการของบประมาณก่อสร้าง” นางอารมย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image