| ผู้เขียน | น.รินี เรืองหนู |
|---|
ในช่วงเดือนมิถุนายน ยังไม่ครบเดือน รถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องในระหว่างให้บริการแล้วถึง 7 ครั้ง แต่มีการสื่อสารให้ผู้โดยสารที่เป็นกลุ่ม “ลูกค้าประจำ” รับรู้เพียงว่า เกิดจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง
อย่างเช่น กรณีเหตุรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 มิถุนายน บีทีเอสทำได้เพียงแจ้งผ่านทวิตเตอร์ว่า ระบบอาณัติสัญญาณในบางสถานีรถไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้ขบวนรถทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม เคลื่อนที่ได้ช้า และทีมงานกำลังแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อเกิดปัญหานี้ อาจจะทำให้มีผู้โดยสารสะสมบนชานชาลาจำนวนมาก
เคยสงสัยกันหรือไม่ ทำไมรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องบ่อยในระยะนี้
ข้อเท็จจริงก็คือ เกิดจากระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าบีทีเอสถูกคลื่นสัญญาณวิทยุที่ปล่อยออกมาจากตึกสูงในแนวเส้นทางรถไฟฟ้ารบกวน ทำให้ระบบรวน รถไฟฟ้าที่เคยทำงานด้วยระบบอัตโนมัติจับสัญญาณคลื่นความถี่ที่คุ้นเคยไม่ได้ จึงหยุดเคลื่อนที่ พนักงานขับรถต้องขับเคลื่อนรถด้วยตัวเอง ทำให้รถเคลื่อนไปได้ช้ากว่าปกติ
ถามต่อไปว่า แล้วคลื่นวิทยุนั้น คือ คลื่นอะไร มีผลกับรถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างไร คำตอบก็มีอยู่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบคลื่น 2300 MHz ตามย่านชุมชนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยนับตั้งแต่วันที่มีการทดสอบคลื่นดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ก็เกิดผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอสแจ้งว่า อยู่ระหว่างแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจัดซื้ออุปกรณ์บล็อกสัญญาณรบกวนไปติดตั้งรถไฟฟ้า แต่อาจต้องใช้เวลาดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนตุลาคมนี้
ปัญหาคือ แล้วในระหว่างนี้ จะดูแลผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าอย่างไร
อย่าลืมว่า ในช่วง 10-20 ปีมานี้ ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนกรุงเทพมหานครเคยชินกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือ รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที ที่ในแต่ละวันมียอดผู้โดยสารเข้าสู่ระบบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น
แม้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะสูงกว่าการใช้รถประจำทางทั่วไป แต่เพราะความรวดเร็วและสามารถกำหนดเวลาการเดินทางได้ค่อนข้างดีกว่าระบบอื่นๆ จึงทำให้ผู้โดยสารยอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายแพง และคาดหวังสูงว่าจะได้รับบริการที่ดีตามรูปแบบที่ควรจะเป็น ทว่า…กรณีรถไฟฟ้าบีทีเอสเกิดขัดข้องค่อนข้างบ่อยในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ อาจจะทำให้ “ผู้โดยสาร” เริ่มเกิดความไม่เชื่อมั่นในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอีกต่อไป
