เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ห้องแกรนด์ฮอลล์ 201-203 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) (สสปท.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) จัดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 32 (Safety Thailand) ภายใต้หัวข้อ “Culture of Prevention for Safety Thailand สร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยเชิงป้องกัน สู่ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและความผาสุกที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและกระตุ้นจิตสำนึกให้สถานผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยในเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานและผู้ใช้แรงงานทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมมอบรางวัล “Zero Accident Campaign 2018” ระดับแพลตตินัม 14 รางวัลและระดับทอง 55 รางวัลแก่ผู้ประกอบการ ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนได้นั้น ต้องอาศัยทรัพยากรสำคัญ คือ มนุษย์ หากมองในมิติเศรษฐกิจของสังคมแล้ว แรงงานจะต้องได้รับการดูแล ความปลอดภัยและการคุ้มครองสวัสดิภาพ เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแรงงาน ต่อเนื่องยังกิจการของผู้ประกอบการเป็นผลพวงสู่การพัฒนาประเทศ จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีสถานประกอบการได้รับรางวั ลแห่งความสำเร็จจากบุคลากรทุกคนทุกระดับในองค์กรมีส่วนร่วมรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นที่จะสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมแรงงาน เพื่อจะได้เห็นแรงงานที่มีคุณภาพและชีวิตที่ดี สังคมทุกระดับมีความเข้มแข็ง พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายชัยธนา ไชยมงคล ผู้อำนวยการสสปท. กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 อนุมัติให้โอนภารกิจการจัดงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมา 30 ปีมาเป็นภารกิจหลักของสสปท. ปีนี้มีสถานประกอบกิจการเข้ารับรางวัลเพิ่มขึ้น เพราะทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลความปลอดภัยในการทำงานอย่างจริงจัง โดยมีสถานประกอบการเสนอชื่อร่วมโครงการ 680 แห่ง ผ่านตามเกณฑ์ 657 แห่ง ซึ่งมารับรางวัลภายในงานมี 377 แห่ง ส่วนอีก 280 แห่งเป็นระดับต้น คือ สถานประกอบการที่ยังสะสมชั่วโมงการทำงานไม่ถึง 1 ล้านชั่วโมง แต่ไม่มีอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานต่อเนื่องอย่าง 1 ปี ทั้งนี้ คาดหวังการจัดงานฯ จะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้นำไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบกิจการ เพื่อลดอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน รวมถึงกระตุ้นและย้ำเตือนให้เกิดจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยด้านการทำงานต่อเนื่อง
ด้าน น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการบริหารองค์กร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทกัลฟ์ได้ดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว จึงส่งรายชื่อร่วมโครงการเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัลฟ์มีมาตรฐานเทียบเคียงกับสากล โดยเน้นการจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ด้านความปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคน อาทิ การทำงานกับสารเคมี ไฟฟ้าความแรงสูง ตลอดจนจัดอบรมด้านความปลอดภัยอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาสถานประกอบการเข้ารับรางวัลนั้นต้องไม่มีอุบัติเหตุในการทำงานของพนักงานต่อเนื่องกัน 4 ปี ปัจจุบันกัลฟ์มีโรงไฟฟ้ารวม 33 แห่ง แบ่งเป็นของกัลฟ์เอง 28 แห่งและได้รับการจ้างเข้าบริหารจัดการอีก 5 แห่ง โดยปีนี้กัลฟ์ได้รางวัลระดับทองแดง 6 รางวัลเป็นโรงไฟฟ้าของกัลฟ์ 3 แห่งและจ้างบริหารอีก 3 แห่ง รวมถึงได้รับใบประกาศอีก 5 แห่ง เหตุไม่ได้รางวัลเพราะเป็นโรงไฟฟ้าเปิดใหม่ ยังสะสมชั่วโมงการทำงานยังไม่ถึง 1 ล้านชั่วโมงแต่ไม่มีอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานต่อเนื่อง 1 ปี โดยกัลฟ์คาดหวังให้พนักงานทุกคนทำงานปลอดภัย ส่วนรางวัลเป็นผลพลอยได้ เพื่อเป็นตัวชี้วัดให้ภายนอกเห็นว่ากัลฟ์ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัย ตลอดจนสามารถจูงใจพนักงานที่มีคุณภาพมาร่วมทำงานกับกัลฟ์ด้วย
