อย.ยันผลิตภัณฑ์อาหารในไทยไม่เสี่ยง ‘ไขมันทรานส์’

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดแถลงข่าว “ความจริงไขมันทรานส์” ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ

น.ส.สุภัทรา บุญเสริม ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ส่งผลให้ “ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ” โดยก่อนหน้านี้ อย.ได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการล่วงหน้า และปัจจุบันผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารที่มีน้ำมันและไขมันเป็นส่วนประกอบได้ปรับสูตรโดยไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านการเติมไฮโดรเจนบางส่วนแล้ว ดังนั้นผลิตภัณฑ์อาหารอย่างเนยเทียม เนยขาว เบเกอรี เช่น เค้ก พาย คุกกี้ อาหารทอดแบบน้ำมันท่วม ครีมเทียม จึงพบไขมันทรานส์ในปริมาณที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันที่ผ่านการเติมไฮโดรเจบางส่วนซึ่งเป็นแหล่งหลักของไขมันทรานส์

น.ส.สุภัทรา แถลงว่า สิ่งที่ อย.ต้องจับตาและเฝ้าระวังหลังจากที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้คือ การเฝ้าระวัง ณ สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า สถานที่จำหน่ายอย่างเข้มงวด และอาจมีการสุ่มตัวอย่างวิเคราะห์ปริมาณไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเสี่ยง

Advertisement

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ประกอบการบางรายใช้โอกาสนี้ในการโฆษณากล่าวอ้าง ปราศจากไขมันทรานส์ หรือ ไขมันทรานส์ 0% บนผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสับสนและเข้าใจว่าปลอดไขมันทรานส์ ขณะที่ไขมันอิ่มตัวยังสูงอยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงแก่ผู้บริโภค จึงให้ใช้ข้อความ “ปราศจาก/ไม่ใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ซึ่งเป็นแหล่งหลักของไขมันทรานส์” ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์แก่ผู้บริโภค รวมถึงแสดงปริมาณไขมันทรานส์ได้เฉพาะในฉลากโภชนาการแบบเต็มเท่านั้น โดยแสดงไว้ที่ตำแหน่งใต้ไขมันอิ่มตัว และใช้หลักเกณฑ์การปัดตัวเลขเช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัว ในกรณีที่ฝ่าฝืนประกาศ โทษจำคุก 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับ 5,000-20,000 บาท” น.ส.สุภัทรา กล่าว

รศ.วันทนีย์ เกรียงสินยศ อาจารย์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงว่า จากการสุ่มสำรวจการปนเปื้อนไขมันทรานส์ในผลิตอาหาร 162 ตัวอย่าง โดยพิจารณาจากปริมาณไขมันทรานส์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ ไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน หรือ 0.5 กรัม ต่อหน่วยบริโภค ส่วนไขมันอิ่มตัว ไม่เกิน 5 กรัม ต่อหน่วยบริโภค พบว่าร้อยละ 53 พบไขมันอิ่มตัวสูงกว่าเกณฑ์ และร้อยละ 13 พบไขมันทรานส์สูงกว่าเกณฑ์ สะท้อนว่าการได้รับไขมันทรานส์ในวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยน้อยกว่าความเสี่ยงในการได้รับไขมันอิ่มตัว อีกทั้ง ไขมันทรานส์จะพบในอาหารประเภทเบเกอรีเป็นหลัก สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการระบุหน้าซองว่าไขมันทรานส์ 0% เกรงว่าจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดว่าอาหารชนิดนั้นบริโภคได้มาก ไม่มีไขมันทรานส์ แต่ที่จริงยังมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูงไม่ควรกินในปริมาณมาก

Advertisement

ด้าน นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. แถลงว่า ล่าสุด สสส.ร่วมกับ อย. สถาบันโภชนาการ มหิดล และเครือข่ายคนไทยไร้พุง จัดทำสื่อความรู้ที่เข้าใจง่ายและถูกต้องทางวิชาการเรื่อง “ความจริงไขมันทรานส์” เพื่อสื่อสารความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริโภค เผยแพร่ในเว็บไซด์ สสส. และ อย.

นพ.ฆนัท ครุธกุล เครือข่ายคนไทยไร้พุง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและโภชนวิทยาคลินิก โรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงว่า หากกินไขมันทรานส์มากเกิน 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดัน และหลอดเลือด จึงไม่ควรมีไขมันทรานส์จากกระบวนการทางอุตสาหกรรมในอาหาร อย่างไรก็ตาม สังคมไทยยังบริโภคไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูงจากการกินของทอด จึงควรจำกัดปริมาณการบริโภคไขมัน เน้นอาหารต้ม นึ่ง เมนูผัดไม่ควรใช้ความร้อนสูง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image