เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนของทุกปี มักพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สธ.รายงาน ปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 31 กรกฎาคม พบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก 33,199 คน อัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคกลาง รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยร้อยละ 98 เป็นเด็กเล็กในปกครอง และเด็กนักเรียน ในจำนวนนี้เกือบร้อยละ 68 เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี จึงได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เฝ้าระวังและประชาสัมพันธ์ให้ครูและผู้ปกครองมีความรู้ในการป้องกันโรค โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล ขอให้คัดกรองเด็กก่อนเข้าเรียน หากพบว่ามีไข้ มีตุ่มแดงภายในช่องปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ให้เด็กหยุดเรียนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และทำความสะอาดห้องเรียน ของเล่น ที่นอน รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ เครื่องเล่นภายในโรงเรียน
นพ.โอภาสกล่าวว่า โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส ผู้ป่วยจะมีไข้ มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก ที่ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และเกิดผื่นแดง ตุ่มพองใสรอบๆ จุดแดงที่บริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือและเท้า โรคนี้รักษาตามอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ กระตุ้นให้กินอาหารเหลว น้ำหวาน ไอศกรีม ให้ยาทาแผลในปาก ส่วนใหญ่อาการจะทุเลาลงและหายป่วยเองภายในเวลา 7-10 วัน ส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรง มีการติดเชื้อเข้าสู่สมองและเสียชีวิตได้ จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยง หมั่นสังเกตอาการของเด็กที่ป่วยโรคมือเท้าปาก หากป่วย 2-3 วัน อาการแย่ลง คือ ไข้สูงขึ้น เหม่อลอย ตาลอย ผวา ชัก หรือซึมลง ให้รีบพบแพทย์ทันที
