เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีมีการลักลอบวางขายยากันยุงพม่าเกลื่อนตลาด และมีลูกสุนัขที่สัมผัสยากันยุงดังกล่าวตายว่า ประเทศไทยมีรอยต่อตามแนวชายแดนกับหลายประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงมีการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาจำหน่ายรวมถึงยากันยุงด้วย ซึ่งในส่วนของไทยก็จะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และด่านอาหารและยาของ อย. คอยตรวจสอบและจับกุมไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในไทยอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องยากันยุงก็จะมอบหมายให้ สสจ.ลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป
ด้าน ภก.สมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ อย.ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ สสจ.ให้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ ก่อนนำไปสู่การขยายผลเพื่อติดตามหาต้นตอการลักลอบนำยากันยุงดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมทั้งให้ความรู้กับประชาชนในการใช้ยากันยุงอย่างถูกต้อง รู้จักถึงข้อควรระวังและอันตรายของยากันยุง โดยข้อควรระวัง ได้แก่ ไม่จุดใกล้กับเด็กอ่อน หรือผู้ป่วย เพราะไม่ว่าควันอะไร หากจุดในพื้นที่อับอากาศไม่ระบาย ก็ล้วนแล้วแต่มีอันตรายต่อสุขภาพทั้งนั้น และยิ่งเป็นยากันยุงที่มีการลักลอบนำเข้ามาก็ยิ่งมีอันตราย และต้องมีการนำตัวอย่างมาตรวจหาสารเพิ่มเติมว่ามีสารชนิดใดอยู่บ้าง ส่วนกรณีที่สุนัขตายนั้น ปัจจัยหนึ่งน่าจะมาจากการที่สุนัขมีอายุน้อยเพียง 2-3 วัน จึงทำให้ได้รับอันตรายได้
รองเลขาธิการ อย.กล่าวต่อไปว่า สำหรับอันตรายจากสารที่อยู่ในยากันยุงนั้น จะมีอาการข้างเคียงตั้งแต่เกิดอาการแพ้สารหายใจไม่ออก มีผลต่อระบบประสาท ซึ่งในคนอาจไม่มีผลเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ในระยะยาวอาจมีผลต่อสุขภาพในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการเผาไหม้ที่อาจได้รับสารอันตรายได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สำหรับโทษของผู้ครอบครอง ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และส่งออกสินค้าที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
