เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นางอารมย์ วงษ์มหา ผู้อำนวยการสำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ “อุทยานสวนจตุจักร” ซึ่งเป็นการเชื่อมพื้นที่สวนสาธารณะ 3 แห่ง เป็นพื้นที่เดียวกัน ประกอบด้วย สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ว่า ตามที่ กทม.มีความจำเป็นต้องปิดถนนกำแพงเพชร 3 เพื่อให้ถนนเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานสวนจตุจักรนั้น ปัจจุบัน กทม.ยังไม่สามารถเริ่มทำประชาพิจารณ์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนได้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการหารือกับคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เจ้าของพื้นที่ได้ข้อยุติแล้ว
“แต่เมื่อพิจารณาขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 กำหนดว่า ก่อนรับฟังความคิดเห็น 15 วัน จะต้องประกาศให้ประชาชนทราบถึงวัตถุประสงค์โครงการและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สาระสำคัญของโครงการ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยา วิธีการรับฟังความคิดเห็น ฯลฯ โดยต้องปิดประกาศอย่างเปิดเผย และประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศ ขณะนี้ กทม.จึงอยู่ระหว่างร่างโครงการเพื่อประกาศให้ประชาชนทราบตามขั้นตอน” นางอารมย์ กล่าว
นางอารมย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการขอคืนพื้นที่ตลาดนัดกลางคืน เจเจกรีน ภายในสวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ให้กับมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์นั้น มูลนิธิเห็นชอบให้ กทม.พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะภายใต้โครงการอุทยานสวนจตุจักร ปัจจุบัน สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ได้รับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2562 จำนวน 182 ล้านบาท เตรียมดำเนินการ ภายหลังเจเจกรีนส่งมอบพื้นที่คืนให้มูลนิธิแล้ว กทม.จะปรับปรุงพื้นที่ภายใต้แนวคิด “จากภูผา สู่มหานที” สมดั่งพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525 ความว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” ซึ่งโครงการอุทยานสวนจตุจักรเกิดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชกระแสรับสั่งเมื่อปี 2544 ให้รวมสวนจตุจักร ก่อนพระราชทานพื้นที่ทั้ง 3 สวน ให้อยู่ในความดูแลของรัฐบาล พร้อมพระราชทานนามว่า อุทยานสวนจตุจักร ส่วนการปิดถนนกำแพงเพชร 3 กทม.ดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี 2546
“สำหรับการขอคืนพื้นที่เจเจกรีนนั้น เดิมสัญญาเช่าสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2561 แต่ตามเงื่อนไขสัญญาได้ให้ผู้เช่ารื้อถอนโครงการสร้างและสิ่งปลูกสร้างให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน ซึ่งทราบว่าผู้ค้าเริ่มทยอยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่แล้ว” นางอารมย์ กล่าว
นอกจากนี้ นางอารมย์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กทม.ได้ปรับปรุงสวนสมเด็จย่า 84 พรรษา ใกล้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ซึ่งเป็นหนึ่งใน 11 สวน ตามโครงการปรับปรุงสวนสาธารณะ รวมถึงเป็นแผนระยะต่อมา เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเชื่อมต่อกับอุทยานสวนจตุจักร โดยใช้สะพานลอยคนเดินข้ามระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับสวนจตุจักรเป็นทางเชื่อม ปัจจุบันมีพื้นที่ 6 ไร่ สภาพทรุดโทรมและระบบไฟฟ้าชำรุด เพราะมีลักษณะเป็นสวนเปิด ขณะนี้ กทม.อยู่ระหว่างปรับภูมิทัศน์ ลานกิจกรรม ตัดแต่งต้นไม้ให้โล่งโปร่ง เพิ่มไฟฟ้าส่องสว่าง รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นลานกิจกรรม โดยมีแนวคิดปรับเป็นลานดนตรี จัดวงดนตตรี เพื่อให้สวนแห่งนี้กลายเป็นจุดนัดพบของประชาชน คาดจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
