กรมอุทยานฯ ชี้ ปิด มาหยา ไม่ได้ทรนงแต่รักษาหม้อข้าว ชู “ปิเละ-โละมุดี-เกาะห้อง” สวยไม่แพ้กัน

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวถึงกรณีข่าวระบุว่าการหารือระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับ จ.กระบี่ และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ข้อสรุปว่าจะมีการเปิดการท่องเที่ยวอ่าวมาหยาในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ ว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง กรมอุทยานฯ ยังไม่ได้มีกำหนดการเปิดอ่าวมาหยาในวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่อย่างใด ยืนยันว่ายังต้องปิดอ่าวมาหยาเพื่อพื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มีกำหนด

“กรมอุทยานฯ ไม่ได้ทรนงหรือไม่ฟังเสียงใครแต่อย่างใด เรารู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการอย่างมาก แต่กรมอุทยานฯจำเป็นต้องรักษาหม้อข้าวของพวกท่านเอาไว้ ถ้าวันนี้ทุบหม้อข้าวนี้ไปแล้ววันหน้าจะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานต่อไปในอนาคต เรื่องนี้เรายังไม่ได้ยินเสียงบ่นหรือร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว มีแต่ผู้ประกอบการเท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหว เราพร้อมเปิดโหวตหรือทำประชาพิจารณ์จากประชาชนทั่วประเทศทางระบบออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ทราบว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการปิดกิจกรรมการท่องเที่ยวอ่าวมาหยาเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับมาสมบูรณ์และสวยงามดังเดิมก่อน” ผอ.สำนักอุทยานฯ กล่าว

นายทรงธรรม กล่าวว่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในเรื่องนี้ กรมอุทยานฯ เตรียมกำหนดแนวเขตทุ่นไข่ปลากั้นเขตห้ามเข้าบริเวณด้านหน้าอ่าวมาหยาใหม่ จากแนวเดิมที่อยู่ห่างจากชายหาด 300 ม. ขยับเข้ามาเป็น 250 ม. เพื่อให้เรือนำเที่ยวสามารถพานักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมถ่ายภาพอ่าวมาหยาได้ใกล้ขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวยังจะได้เห็นความสวยงามของอ่าวมาหยาเช่นเดิม เพียงแต่ขอว่าไม่ให้ลงไปเหยียบย่ำชายหาด เพื่อให้ชายหาดที่ทรุดตัวได้ฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ หรือจอดเรือในบริเวณที่กำลังมีการฟื้นฟูปะการังเท่านั้น

Advertisement

นายทรงธรรม กล่าวว่า ที่สำคัญ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. ได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานฯ พิจารณาหาแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวโดยเฉพาะเรือนำเที่ยวของชุมชนชาวบ้านในพื้นที่ โดยกรมอุทยานฯ ได้พิจารณาแหล่งท่องเที่ยวที่จะเรียกว่าเป็น “อ่าวมาหยา 2” ไว้ทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงอ่าวมาหยาและมีความสวยงามโดดเด่นไม่แพ้กัน แห่งแรก คือ บริเวณอ่าวปิเละ ซึ่งมีลักษณะคล้ายอ่าวมาหยา คือถูกโอบล้อมด้วยเขาหินปูน มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ภายในมีน้ำทะเลใส และมีแหล่งปะการังที่ยังอุดมสมบูรณ์พอสมควร เพราะนักท่องเที่ยวยังเข้าไปไม่มาก แห่งที่สองคือบริเวณอ่าวโละมุดี ซึ่งมีชายหาดที่สวยงามไม่แพ้อ่าวมาหยา โดยสองแห่งนี้อยู่ในบริเวณเกาะพีพี และแห่งที่สาม คือเกาะห้อง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี แต่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานหาดนพรัตน์ธาราฯ เพียง 20 นาทีโดยทางเรือ โดยชายหาดเกาะห้องนั้นมีความโดดเด่นสวยงามเทียบเท่าได้กับอ่าวมาหยา ซึ่งกรมอุทยานฯ จะเร่งประชาสัมพันธ์และกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมเพื่อหมุนเวียนให้เข้าไปท่องเที่ยวในบริเวณ 3 จุดนี้

ด้านนายศักดิ์ อนันต์ปลาทอง อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปิดกิจกรรมการท่องเที่ยวอ่าวมายาเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ เพราะจากข้อมูลการวิจัยวันนี้สภาพปะการังของอ่าวมายายังไม่ฟื้นตัว ซึ่งปะการังเหล่านี้มีศักยภาพในการฟื้นตัวได้ แต่ที่ผ่านมาปะการังเต็มไปด้วยตะกอนสะสม ถ้ามีเรือวิ่งเข้าออกก็จะทำให้ตะกอนเหล่านี้พัดมาทับถมปะการังซ้ำอีก ในขณะที่หาดทรายจากเดิมต้องมีความลาดเอียงถึง 3 ม. ตามแนวที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เกิดการยุบตัวเพียง 2 ม.ตามที่มีข้อมูลก่อนหน้านี้ โดยหลักวิชาการการปิดฟื้นฟูเพียง 4 เดือนไม่เพียงพออยู่แล้ว ถ้าปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปอีกหาดทรายไม่มีทางกลับมาแน่นอน ซึ่งวันนี้คลื่นก็เริ่มพัดทรายกลับมาแล้ว แต่ที่ผ่านมามีคนเข้าไปในพื้นที่อ่าวมาหยาถึงวันละ 5,000 คน กี่หมื่นกี่แสนก้าวในแต่ละวันจนทรายถูกอัดแน่นและไหลไปกองท่วมแนวปะการังหมด ดังนั้นเราต้องเลือกว่าจะเอาทรัพยากรไว้หรืออยากได้นักท่องเที่ยวจะใช้ให้หมดวันนี้หรือเก็บไว้ใช้อย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisement

” วัตถุประสงค์ของอุทยานแห่งชาติก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องรักษาทรัพยากร กรมอุทยานฯไม่ได้ปิดแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดในเกาะพีพี ยังเปิดให้ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง และอ่าวมาหยาก็ยังให้เข้าไปยังจุดที่กำหนดไว้ได้ ผมว่ามองจากเรือก็สวยเหมือนกันและสวยกว่าแต่ก่อน แต่เดิมเราไม่เคยเห็นภาพแบบนั้นเพราะมีคนเต็มไปหมด วันนี้ขอให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวก่อน และหากเปิดใหม่ก็ต้องมีมาตรการความพร้อมในการรับมือ มีท่าเรือเข้าทางด้านหลังอ่าว มีบอร์ดวอร์กไม่ให้เหยียบย่ำทราย มีการโซนนิ่งพื้นที่ และกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม ซึ่งเบื้องต้นคิดว่าต้องปิดต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรืออีก 1 ปีกว่าค่อยประเมินว่าความเหมาะสมควรอยู่จุดไหน หาดทรายกรมอุทยานฯ ต้องการให้กลับมาเท่าเดิมหรือไม่ และหากนักท่องเที่ยวกลับมาแล้วก็ต้องมีมาตรการรองรับที่เข้มข้นด้วย ” นายศักดิ์อนันต์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image