กูเกิลเลือกไทยทำโครงการทำนายเบาหวาน หวังพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีกูลเกิล (google) บริษัทเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตชั้นนำของโลกเลือกประเทศไทยเป็นพื้นที่ดำเนิน “โครงการทำนายเบาหวานจากภาพดวงตา” หนึ่งในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีโครงการคัดกรองเบาหวานในระดับประเทศ ว่า การที่กูเกิลเลือกประเทศไทย เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการทำนายเบาหวานจากภาพดวงตา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้น สะท้อนให้เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญต่อโรคเบาหวาน โดยมีการบูรณาการดำเนินงานของทุกภาคส่วน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ.2560-2564) กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นส่วนหนึ่งเพื่อร่วมขับเคลื่อนทั้งการป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคเบาหวานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง หากดูแลสุขภาพไม่ดีจะนำไปสู่การเจ็บป่วยแทรกซ้อนด้วยโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ ตาบอดจากเบาหวาน และภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งข้อมูลผลสำรวจสุขภาพประชากรไทยโดยการตรวจร่างกาย พบความชุกของโรคเบาหวานอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จากร้อยละ 6.9 ในปี 2547 เพิ่มเป็นร้อยละ 8.8 ในปี 2557 โดยผู้หญิงเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 9.8 ขณะที่ผู้ชายเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 7.8 และกลุ่มอายุ 60-69 ปี มีความชุกของโรคเบาหวานสูงที่สุด” เลขาฯสปสช.กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในปี 2560 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับบริการควบคุมป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง เบาหวานและความดันโลหิตสูงภายไต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน910.60 ล้านบาท เป็นค่าบริการรักษาด้วยยา ตรวจคัดกรองความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนและสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองแก่ผู้ป่วย โดยมีผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับบริการควบคุมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน จำนวน 3,811,885 คน จากเป้าหมายบริการ 2,814,300 คน คิดเป็นร้อยละ 135.45 ของเป้าหมาย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยเบาหวานและเบาหวานมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยร้อยละ 70.56 ขณะที่ปี 2561 ข้อมูลไตรมาส 2ระหว่างเดือนตุลาคม 2560 -มีนาคม 2561 มีผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ได้รับการควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรค ได้รับบริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนเพื่อลดหรือชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนจำนวน3,904,738 คน จากเป้าหมายที่ได้รับจำนวน 2,907,200 คน โดยเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานและเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยจำนวน 1,864,729 คน และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 2,040,008 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image