กรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้แจงว่าจะเร่งดำเนินการจัดซื้อยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ในระบบประกันสังคม หลังจากที่โรงพยาบาลหลายแห่งจ่ายยาต้านไวรัสให้กับผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์ ได้น้อยลงนั้น
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบว่า สปส.ได้สั่งซื้อยาต้านไวรัสกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แล้ว สำหรับใช้ภายใน 6 เดือน และ สปส.จะไปตรวจรับยาที่ อภ. โดย อภ.จะจัดส่งยาต้านไวรัสให้กับโรงพยาบาลต่อไป ซึ่งคาดว่า ภายในสัปดาห์นี้ยาจะไปถึงทุกโรงพยาบาลอย่างเต็มระบบ
“เราทราบมาว่าปลัดกระทรวงแรงงานยินดีเซ็นสั่งซื้อยา แต่ต้องการเห็นการทำเอกสารที่ถูกต้องของ สปส. หากเป็นเช่นนี้ ความเป็นมืออาชีพในการสั่งซื้อยาน่าจะมีปัญหา ดังนั้น สปส.ต้องพัฒนาระบบ หรือกำลังคนให้พร้อมมากขึ้นในการจัดซื้อยา หรืออาจเลือกทำเฉพาะประเด็นที่ถนัด เช่น การคุ้มครองแรงงาน ส่วนเรื่องสุขภาพก็ให้หน่วยงานอื่นทำ เพราะถ้าหวงเอาไว้ ผู้ป่วยก็มีความเสี่ยงที่จะเข้าไม่ถึงยา หรือการรักษา” นายอภิวัฒน์ กล่าวและว่า เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ ไม่ต้องการเห็นการแก้ปัญหาของ สปส.เป็นรายวัน หรือรายกรณี แต่ต้องการเห็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยการจัดซื้อยาต้านฯ ควรจัดซื้อเป็นรายปี และมีระบบที่ติดตามได้อย่างชัดเจน
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า หาก สปส.ไม่มีประสบการณ์ในการจัดซื้อยา เสนอให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกองทุนเอดส์ในระบบหลักประกันสุขภาพ หรือรวมกองทุนสุขภาพ 2 กองทุนนี้ เข้าไว้ด้วยกัน เพราะหากมีการรวมกองทุน จะเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองที่มากขึ้น และราคายาจะถูกลง เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อยา
“เรายังต้องการคำตอบของ สปส.ว่าจะมีสำนึกรับผิดชอบต่อผู้ประกันตนในการเข้าถึงยาอย่างไร ที่ผู้ประกันตนบางคนต้องไปซื้อยามากินเองก่อน โดยต้องบอกช่องทางในการรับเงินคืนที่ชัดเจนว่าสามารถติดต่อได้ที่ไหน อย่างไร ส่วนผู้ประกันตนที่ติดเชื้อ ให้ไปติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิว่ายามาถึงโรงพยาบาลแล้วหรือไม่ แล้วแจ้งข่าวกลับมายังเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ เพื่อจะได้เห็นสถานการณ์ร่วมกัน” นายอภิวัฒน์ กล่าว
