เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเรียกร้องกรณีโรงพยาบาลพระราม 2 ส่งสาวถูกสาดน้ำกรดไปรักษาอีกโรงพยาบาล ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่ ว่า ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ สบส.มีการเชิญคณะกรรมการซึ่งมีผู้แทนจากหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง อธิบดี สบส., อัยการ, ข้าราชการบำนาญที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นต้น มาร่วมประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุปว่าโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่ ทั้งนี้การที่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม เพราะเป็นกรณีที่โทษค่อนข้างรุนแรงมีอัตราโทษทั้งจำและโทษปรับ จึงต้องมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุม
“อย่างไรก็ตาม การทำงานของ สบส.ไม่ได้ล่าช้า เราพยายามทำงานให้เร็วที่สุด ภายใต้การให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้เรามีข้อมูลและมีการเตรียมเอกสารที่ได้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวไว้หมดแล้ว รอเพียงความเห็นจากทุกฝ่ายเท่านั้น และถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานที่ สบส.จะพยายามทำงานให้รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่สั่งปิดอาคารจำนวน 1 ชั้น เนื่องจากมีการนำเอาที่จอดรถมาปรับปรุงดัดแปลงเป็นอาคารผู้ป่วยนอก โดยไม่ขออนุญาตนั้น สบส.ได้ให้เวลาดำเนินการปรับปรุงและยื่นเรื่องขออนุญาตภายใน 15 วัน” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีการลุยตรวจมาตรฐานสถานพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มหรือไม่ นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า การตรวจสอบโรงพยาบาลนั้น สบส.มีการตรวจสอบอยู่แล้ว โดยทุกปี สบส.ต้องลงตรวจสถานพยาบาลต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ส่วนกรณีของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวที่มีการนำเอาอาคารจอดรถไปปรับปรุงเป็นอาคารผู้ป่วยนอกนั้น เท่าที่ทราบโรงพยาบาลเตรียมยื่นเรื่องขออนุญาต แต่ยังไม่ได้ยื่นก็เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นก่อน แต่อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ก็ถือว่าผิดเพราะหากจะเปิด ก็ต้องรอขออนุญาตให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะเปิดใช้ได้
