เครือข่ายพยาบาลฯยื่นหนังสือ ปลัดสธ. ขอความเป็นธรรมหลังสัญญาทุนถูกบังคับเป็นลูกจ้างชั่วคราว พร้อมเสนอ 5 ข้อเรียกร้อง หากไม่ช่วยเหลือพร้อมทวงถามหลังปีใหม่
ลูกจ้างชั่วคราว -เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ธันวาคม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) น.ส.วราพร กวีวิทยาภรณ์ เลขานุการเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยผู้แทนเข้ายื่นหนังสือต่อนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเรื่องสัญญานักเรียนทุนพยาบาล โดย นพ. ไพศาล ดั่นคุ้ม รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นผู้รับเรื่องในฐานะดูแลเรื่องดังกล่าว
น.ส.วราพร กล่าวว่า ทุกวันนี้พยาบาลมีภาระงานมากไม่ต่างจากวิชาชีพอื่นๆ ทำงานกันควงเวร33 เวรต่อเดือน เวรละ 8 ชั่วโมง โดยในแต่ละเดือนจะมีวันหยุดเพียง 1-2 วัน ปัญหาคือ ภาระงานเหล่านี้กลับพบว่า พยาบาลวิชาชีพกลับมีฐานะเป็นลูกจ้างชั่วคราว มีเงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำ 15,000 บาท เริ่มสตาร์ทเฉลี่ย11,500-13,000 บาท บางคนได้ขึ้นเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเงินเดือนสูงขึ้นมาก็จริงแต่อยู่ที่ประมาณ 15,000 -18,000 บาท แล้วแต่อายุงาน ซึ่งจากตัวเลขที่พอมีพบว่า พยาบาลวิชาชีพที่เป็นลูกจ้างชั่วคราวไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการรวมประมาณ 12,000 คน เฉลี่ยปีละ 3,000 คน นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา เพราะไม่มีการบรรจุเพิ่มอีก ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มนี้ร้อยละ 80 เงินเดือนไม่น่าถึง 15,000 บาท ที่มีเพิ่มจนถึงก็เป็นการเพิ่มจากส่วนอื่นๆ เช่น ค่าวิชาชีพ ค่าเช่าบ้านพัก เป็นต้น
“การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ แก้ที่ต้นเหตุ เนื่องจากเดิมทีเคยมีทุนนักเรียนพยาบาล เมื่อเรียนจบจะได้เป็นข้าราชการ แต่กลับมีการยกเลิกไปเมื่อปี 2545 ซึ่งในช่วงปี 2545-2550 ช่วง 5 ปีนี้จะว่างเลย แต่ไม่มีการผูกมัด แต่กลับมีการปรับเปลี่ยนในปี 2551 ให้แย่ลงตรงมีสัญญานักเรียนทุน โดยกำหนดว่าจบแล้วต้องไปทำงาน แต่ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้ระบุว่าไปรับทุนเป็นลูกจ้างชั่วคราว จะมาทราบตอนจะต้องเซ็นสัญญาแล้ว ซึ่งหากจบแล้วไม่อยากเป็นลูกจ้างชั่วคราว 4 ปี ก็ต้องจ่ายทุนคืนเพราะทุนปีละ 30,000 บาท 4 ปี เท่ากับ 120,000 บาท แต่ต้องจ่ายเพิ่ม 1 เท่าตัวเป็น 240,000 บาท” น.ส.วราพร กล่าว
น.ส.วราพร กล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายฯจึงมายื่นหนังสือขอเรียกร้องความเป็นธรรม ดังนี้ 1.ขอให้ทบทวนและผลักดันวิชาชีพพยาบาล ซึ่งเป็นสายงานที่ขาดแคลน ให้เป็นนักเรียนทุนพยาบาลของรัฐบาล และได้รับการกำหนดตำแหน่งข้าราชการมารองรับ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการผลิตพยาบาลตอบสนองความต้องการของประเทศในการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างแท้จริง 2.ทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การจัดทำสัญญารับทุนการศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตของกระทรวงสาธารณสุขตามโครงการผลิตพยาบาลโดยใช้เงินบำรุงเป็นทุนการศึกษาของนักศึกษาพยาบาล ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 เกี่ยวกับทุนสนับสนุนการศึกษาจากหน่วยบริการเจ้าของทุนปีละ 30,000 บาท ต่อคนต่อปี เนื่องจากระยะเวลาล่วงเลยมาเป็น 10 ปี แล้ว แต่อัตราการสนับสนุนทุนการศึกษายังเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง และพบว่าค่าใช้จ่ายในการผลิตนักศึกษาพยาบาล (Unit cost) ที่วิทยาลัยพยาบาลสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก ได้วิเคราะห์แล้วพบว่า ค่าใช้จ่ายในการผลิตนักศึกษาพยาบาลโดยประมาณ 140,000 บาทต่อคนต่อปี
เลขานุการเครือข่ายฯ กล่าวอีกว่า 3. ทบทวนสัญญารับทุนการศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตของกระทรวงสาธารณสุขตามโครงการผลิตพยาบาลโดยใช้เงินบำรุงเป็นทุนการศึกษานักศึกษาพยาบาล โดยต้องระบุการจ้างที่ มีความเป็นธรรมในสายงานพยาบาลวิชาชีพ โดยไม่ควรผูกมัดด้วยตำแหน่ง ลูกจ้างชั่วคราว 4. กรณีที่หน่วยงานไม่สามารถจ้างผู้ที่สำเร็จการศึกษาให้เป็นข้าราชการได้ ให้กำหนดการจ้างในรูปแบบอื่นที่มีความมั่นคง ต่อเนื่อง มีอัตราค่าจ้างที่เป็นอัตราขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด โดยไม่นำรายได้อื่นๆ เช่น เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย เงิน พ.ต.ส. ค่าเช่าบ้าน เนื่องจากพบว่า การจ้างงานของสถานบริการบางแห่งไม่ถึงอัตราขั้นต่ำ และมีการรวมกับค่าตอบแทนอื่น และเมื่อมีตำแห่งข้าราชการ ให้มีการบรรจุโดยนับระยะเวลาเกื้อกูลการทำผลงานตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรก และ 5. ในทุกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานพยาบาลขอให้มีพยาบาลวิชาชีพเข้าเป็นคณะทำงานร่วมด้วย เพื่อสะท้อนปัญหาและเสนอแนะได้ตรงตามบริบท ทั้งหมดที่เสนอไปก็หวังเพียงว่าผู้บริหารสธ.จะให้ความสำคัญ เพราะหากยังช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เบื้องต้นพวกเราเตรียมจะมาทวงถามอีกครั้งหลังปีใหม่
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
เครือข่ายพยาบาลฯยื่นหนังสือร้องสัญญาทุนไม่เป็นธรรม ถกหาทางออก 13 ธ.ค.
สธ.นัดหารือปมสัญญาทุนเล่าเรียน ‘พยาบาล’ หลังถูกร้องไม่เป็นธรรม
พยาบาลระทมทุกข์! ถูกบังคับสัญญาทุนเรียน 4 ปี ต้องเป็น ‘ลูกจ้างชั่วคราว’