ตระกูล’สุขารมณ์’เปิดใจหลังวิกฤตปิดรพ.เดชา ย้ำไม่ใช่ครอบครัวบริหาร ลั่นขายไม่ต่ำ500ล้าน (คลิป)

วันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 14.00 น. ที่โรงพยาบาลเดชา น.ส.วรสุดา สุขารมณ์ ลูกสาวคนเล็กของ นพ.เดชา สุขารมณ์ แถลงชี้เเจงภายหลังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีคำสั่งปิดโรงพยาบาลเดชาเป็นระยะเวลา 60 วัน เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาทางการเงิน กระทบต่อพนักงานจำนวนมาก

น.ส.วรสุดาแถลงว่า ตนขอเป็นตัวแทนครอบครัวสุขารมณ์ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากมีผลกระทบต่อครอบครัวโดยตรง ประเด็นแรกคือ กรณีข่าวเจ้าของ รพ.เดชา เสียชีวิต ทำให้สังคมสับสนว่าใครเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการ ยืนยันว่า นพ.เดชา ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะนี้อายุ 81 ปีแล้ว และยังมีสุขภาพแข็งแรง และบริษัท สุขารมณ์ จำกัด ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สิน 100% แต่ไม่ได้เข้ามาดำเนินการเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เนื่องจากให้บริษัท ศรีอยุธ จำกัด เป็นผู้เช่าดำเนินการประกอบการต่อตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา โดยครอบครัวไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารใดๆ

น.ส.วรสุดาแถลงอีกว่า สำหรับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมาก ทั้งครอบครัวและพนักงานของเรา ซึ่งพนักงานที่อยู่ที่นี่คือพนักงานเก่าของบริษัทสุขารมณ์ ซึ่งขณะนี้บริษัทศรีอยุธเกิดภาวะขาดสภาพคล่อง มีวิกฤตเมื่อต้นปี แต่จริงๆ แล้วเริ่มมีภาวะขาดสภาพคล่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยค้างจ่ายค่าเช่านานแล้ว แต่ไม่ได้ค้างทุกเดือน จ่ายไม่ครบ ผัดผ่อนมาตลอด สถานที่นี้บริการสุขภาพและชีวิตคน จึงไม่สามารถดำเนินเด็ดขาด ปิด หรือยกเลิกสัญญา เห็นแก่ชีวิตที่คนยังมารักษาอยู่ เขาสัญญาว่าเมื่อเบิกเงินประกันสังคมได้ก็จะมาเคลียร์ แต่สิ้นปีที่แล้วก็ไม่มี จึงดำเนินการตามกฎหมายไป

“ทางตระกูลสุขารมณ์ได้ให้ทางบริษัทศรีอยุธดำเนินการเช่าต่อด้วยสัญญาเช่า 7 ปี ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2556 จากนั้นก็เป็นการทำสัญญาปีต่อปี แต่เมื่อปีที่แล้วทางศรีอยุธมีปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งทางเราก็ได้มีการติดต่อ เนื่องจากศรีอยุธติดหนี้ค้างค่าเช่ามาตลอด โดยจ่ายไม่ครบตามสัญญา อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทสุขารมณ์ได้มีการทวงถามตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่ได้ไปจี้มากนัก เนื่องจากหากทำรุนแรงอาจต้องถึงขั้นปิดโรงพยาบาล ประกอบกับทางนายวีระนาถ วีระไวทยะ ผู้บริหารบริษัทศรีอยุธ ป่วยหนัก และมีการยืนยันว่าจะพยายามจ่าย โดยจะนำเงินจากค่าประกันสังคมจ่ายให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี” น.ส.วรสุดากล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการฟ้องร้องต่อศาล เนื่องจากบริษัทศรีอยุธมีการค้างชำระหนี้มากกว่า 20 ล้านบาท แต่ตัวเลขจริงขอไม่เปิดเผย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ทางบริษัทสุขารมณ์ก็อยากได้เงินคืน เพราะเป็นทรัพย์สินที่ควรได้ จึงได้พยายามทำตามขั้นตอน แต่ไม่ได้คาดหวังมาก

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ได้มีการติดต่อบริษัทอื่นมารับช่วงบริหารหรือไม่ หรือทางสุขารมณ์จะบริหารเอง น.ส.วรสุดากล่าวว่า สำหรับบริษัทสุขารมณ์ จะไม่บริหารต่อ เนื่องจากไม่มีความพร้อม ประกอบกับครอบครัวมีธุรกิจโรงแรมที่ จ.กาญจนบุรี แต่ที่ผ่านมามีหลายบริษัทมาติดต่อ โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล อย่างสิงคโปร์ก็มาติดต่อเช่นกัน แต่ติดขัดเรื่องเอกสาร อย่างไรก็ตาม บริษัทสุขารมณ์ยินดีเจรจาทุกรูปแบบทั้งเช่าหรือซื้อโรงพยาบาลเดชา หากจะซื้อและไปทำธุรกิจอื่นก็ยินดี แต่ใจจริงอยากให้ดำเนินการเป็นโรงพยาบาลตามเดิม เพราะโรงพยาบาลเดชา ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย แต่ก็จะดูคุณสมบัติของบริษัทที่เข้ามาด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

เมื่อถามว่าหากมีการซื้อโรงพยาบาลจะมีการขายจำนวนเท่าไร น.ส.วรสุดากล่าวว่า ตัวเลขยังคงเปิดเผยไม่ได้ชัดนัก แต่การประเมินทรัพย์สินไม่น่าต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าในส่วนของพนักงานที่กำลังประสบปัญหา ทางบริษัทสุขารมณ์จะช่วยอย่างไร น.ส.วรสุดากล่าวว่า การมาแถลงครั้งนี้ก็เพื่อเป็นกำลังใจ ขณะเดียวกันก็พยายามติดต่อกับทางบริษัทศรีอยุธ เพื่อเคลียร์เรื่องเงินเดือนให้พนักงาน รวมทั้งการบริหารทั้งหมด ซึ่งตามข่าวทางบริษัทศรีอยุธบอกว่าจะเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ได้ภายใน 60 วัน แต่ความมั่นใจก็ยังเป็นคำถามอยู่ ทางบริษัทสุขารมณ์จึงทำควบคู่ด้วยการหาบริษัทอื่นมาบริหารต่อ

Advertisement

“ที่ผ่านมาเมื่อเกิดปัญหา บริษัทศรีอยุธไม่เคยติดต่อหรือเจรจากับเราเลย มีเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ได้พบกับทางจ่าสิบเอก ชาญณรงค์ ประเสริฐศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีอยุธ จำกัด แต่กลับได้คำตอบว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเพียงผู้แทน และมีข่าวว่าทางจ่าสิบเอกชาญณรงค์มีการลาออกจากบริษัทศรีอยุธอีก ดังนั้นทางบริษัทสุขารมณ์จึงได้ให้ทนายดำเนินการเรื่องนี้แล้ว ว่า จะยกเลิกสัญญากับทางบริษัทศรีอยุธได้หรือไม่ และจะเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาเจรจาเพื่อบริหารงานต่อไป” น.ส.วรสุดากล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้ข่าวว่าทางบริษัทศรีอยุธมีการติดต่อมาว่าจะดำเนินการต่อ แต่ขอเวลาปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน น.ส.วรสุดากล่าวว่า ได้ข่าวเช่นกัน แต่กลับไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทศรีอยุธเลย เรื่องนี้ก็คงต้องเจรจาด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในการเจรจา อยากพูดคุยกับผู้มีอำนาจตัดสินใจกับบริษัทศรีอยุธเท่านั้น ไม่ใช่ผู้แทนอีก ส่วนจะต่อสัญญาหรือไม่ ก็ต้องดูข้อตกลงก่อน แต่แนวโน้มน่าจะทำงานด้วยกันยากแล้ว เพราะที่ผ่านมาแค่การติดต่อเจรจาก็แทบไม่มี ตั้งแต่นายวีระนาถเสียชีวิต ก็ไม่เคยได้รับการติดต่ออีกเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image