กรณีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำหนังสือเรียกเงินเดือนส่วนเกินจากบุคลากรสาธารณสุขในหลายจังหวัด เนื่องจากการคำนวณเงินเดือนผิดพลาดถึง 5 ปีทำให้ต้องเรียกเงินจากบุคลากรนั้น
— เข่าอ่อน! ขรก.สาธารณสุขถูกเรียกเงินเดือนคืน 9 หมื่นย้อนหลัง 5 ปี พบแล้ว 8 จว.
— ศรีสะเกษแก้คำสั่ง ยันยังไม่เรียกเงินเดือนขรก.สธ.คืน 91 ราย
— ปัญหาทะลัก! ขรก.สธ.ถูกเรียกเงินเดือนคืน 300 รายแล้ว ยอดคืนคลังทะลุ 9 ล.
— สธ.ประกาศช่วยเหลือ ขรก.สธ.ถูกเรียกเงินคืน พร้อมหารือคลังยืดเวลาคืนเงิน 10 ปี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองปลัดสธ. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการเรียกเงินเดือนคืนจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีสธ.ให้ดูแลเรื่องดังกล่าว โดยภายในสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับทางกระทรวงการคลัง (กค.) เพื่อขอผ่อนชำระหนี้จากกรณีที่มีการคิดเงินเดือนข้าราชการเกิน คาดว่าทางกระทรวงการคลังเองน่าทราบข่าวและเห็นใจข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดียวกัน สำหรับตัวเลขข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อยู่ระหว่างให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมข้อมูลทั้งประเทศเพื่อใด้ตัวเลขผู้ที่ได้รับผลกระทบแน่ชัด อย่างไรก็ตาม คิดว่าไม่น่าจะมากนัก เพราะหลายจังหวัดมีการแก้ไขปัญหาไปบ้างแล้ว
ขณะที่นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) และเลขาธิการสมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ กล่าวว่า จากท่าทีของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาด้วยการจะไปพูดคุยกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอผ่อนชำระคืนเงินเดือนที่คิดเกินมาในระยะยาว 5-10 ปีก็เป็นไปในแนวทางที่ตรงกับที่คิดไว้ แต่ตนยังมีความเป็นห่วงว่ากระทรวงการคลังจะตอบรับหรือไม่ ดังนั้น ต้องติดตามดู นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่น่าห่วงในตอนนี้มีบางจังหวัดมีท่าทีที่ไม่ดีนักกับน้องๆ ข้าราชการที่ออกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ มีการกล่าวโทษ บางพื้นที่ที่มีการเรียกคืนบอกว่าหากไม่คืนจะมีการตำแหน่ง เช่น จากที่บางคนชำนาญการ หากไม่คืนจะลดมาเป็นปฏิบัติการเช่นเดิม หรือบางคนกำลังจะปรับตำแหน่งก็บอกว่าไม่ให้ปรับตำแหน่งขึ้น ด้วยความกลัวตรงนี้ ทำให้หลายคนกลัวและไม่กล้าให้ข้อมูลดังนั้นตัวเลขผู้เสียหายที่รวบรวมอยู่จึงไม่ได้เพิ่มไปจากเดิม
“ยืนยันว่าน้องๆ ไม่ได้มีปัญหากับการคืนเงิน เพราะทุกคนเข้าใจดีว่าเป็นเงินของหลวง ดังนั้น ต้องเรียกร้องให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติตามแนวทางกระทรวงดีที่สุด รวมทั้งอยากให้มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งประเทศ” นายริซกีกล่าว
