ปฏิวัติวงการอาหาร สจล.จับมือสวิตเซอร์แลนด์-สหราชอาณาจักร ปั้นเชฟนักวิทย์ครั้งแรกของไทย

(จากซ้าย) รศ.ดร.ประพันธ์ ดร.สุชัชชวีร์ แอนดรู ฮันโรว์ และเชฟแคทเทอรีน กาเบียร์ล

เพราะการเลือกรับประทานอาหารเป็นจุดเริ่มต้นพื้นฐานของการมีสุขภาพที่ดี ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากลงทุนกับอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ ดังนั้น อุตสาหกรรมอาหารจำเป็นต้องปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมการปรุงอาหารขึ้น จึงเป็นที่มาของหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อาหารโลก ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. จับมือสวิตเซอร์แลนด์ และแดนผู้ดีอย่างอังกฤษในการผลิตเชฟนักวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของไทย ผ่านการผสมผสานศาสตร์โภชนาการร่วมกับศิลปะการปรุงอาหารในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและหลากหลาย พร้อมเทคนิคการบริการทางอาหารเพื่อต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารมืออาชีพ

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและภัตาคารให้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในปี 2562 สจล. โดยคณะอุตสาหกรรมเกษตร จึงได้ผสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเครือข่ายในระดับนานาชาติ คือ สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Business and Hotel Management School : BHMS) ร่วมออกแบบหลักสูตรวิทยาศาสตร์การประกอบอาหารและการจัดการการบริการอาหาร นานาชาติ หรือเชฟนักวิทยาศาสตร์ โดยหลักสูตรดังกล่าวเป็นการประยุกต์การศึกษาวิทยาศาสตร์อาหารร่วมกับศิลปะการปรุงอาหารในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพของผู้บริโภค ตลอดจนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ลงทุนกับผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพดี โดยการพัฒนาหลักสูตรดังกล่าวจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ครัวไทย ครัวโลก (The Kitchen of the world) ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางอาหารและยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารไทยสู่สากล

สาธิตการทำไข่มุกกะทิลาวา

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ปิ่นศิโรดม คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร (สจล.) กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของวงการอาหารที่จะผลิตเชฟมืออาชีพรุ่นใหม่ที่สามารถประยุกต์ศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ศิลปะการปรุงอาหารทั้งอาหารไทยและนานาชาติ โดยนักศึกษาจะได้เรียนกับอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาศาสตร์การอาหาร โภชนาการ และเทคโนโลยีอาหาร และเชฟที่มีความชำนาญในศิลปะการประกอบอาหาร เรียนรู้เทคนิคในการบริการทางอาหารที่สามารถต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารมืออาชีพ เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาในธุรกิจด้านอาหารได้ ในห้องครัวมาตรฐานสากลและห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์อาหารที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด

ไข่มุกกะทิลาวา บนข้าวเหนียวมะม่วง
ยอร์คเชียร์พุดดิ้ง

“หลักสูตรดังกล่าว นักศึกษาจะเรียนที่คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นเวลา 3 ปี เรียนที่สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 1 ปี และจะได้ฝึกปฏิบัติงานจริงจำนวน 1,000 ชั่วโมงตลอดหลักสูตร โดยเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับ 3 ปริญญา คือ วิทยาศาสตรบัณฑิต (วิทยาศาสตร์การประกอบอาหารและการจัดการธุรกิจอาหาร) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศิลปะการปรุงอาหาร) จากสถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Business and Hotel Management School – BHMS) และศิลปศาสตรบัณฑิต (ศิลปะการปรุงอาหาร) จากมหาวิทยาลัยโรเบิร์ต กอร์ดอน สหราชอาณาจักร”

Advertisement

ในขณะที่ แอนดริว ฮันส์โรว ผู้จัดการฝ่ายการตลาด สถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Business and Hotel Management School : BHMS) เปิดเผยว่า การเรียนการสอนในสถาบันการจัดการธุรกิจและโรงแรม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา 1 ปี จะเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้ในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติโดยแบ่งเป็น การศึกษาศิลปะการปรุงอาหารตะวันตกขั้นสูง (Higher Western Culinary Arts) และการจัดการธุรกิจบริการอาหาร (Food Service Management) เป็นระยะเวลา 6 เดือน และการฝึกปฏิบัติการครัวแบบมีค่าตอบแทน 6 เดือน ซึ่งนักศึกษาจะได้ฝึกปฏิบัติในโรงแรมและร้านอาหารพาร์ตเนอร์ชั้นนำของโลก อาทิ ฮิลตัน เวิลด์ไวด์ (Hilton Worldwide) เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน (The Ritz-Carlton) แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เป็นต้น นอกจากนี้ นักศึกษาจะได้เรียนรู้การพัฒนาบุคลิกภาพควบคู่กับการฝึกภาษาเยอรมันสำหรับการฝึกปฏิบัติงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้ใช้ชีวิตในบริเวณแคมปัสของสถาบันที่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย คุณภาพชีวิตที่ดี และมีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรม

แคทเทอรีน กาเบียร์ล ทอมป์สัน เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเพื่อสุขภาพ บอกเล่าประสบการณ์ว่า การประกอบอาหารในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจากไลฟ์สไตล์ของผู้คน ความหลากหลายของกลุ่มประชากร และความต้องการของผู้บริโภค ทำให้อาชีพเชฟที่ทำหน้าที่ปรุงอาหารให้อร่อยเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นจะมีทักษะในการ บูรณาการทั้งศาสตร์และศิลป์ในการประกอบอาหารเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กลุ่มคนเมือง ที่มีเวลาน้อยสำหรับการเลือกมื้ออาหาร เชฟจำเป็นจะต้องมีทักษะในการปรุงอาหารที่เน้นความรวดเร็ว ง่าย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค

ทั้งนี้ในปี 2562 จะเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกจำนวนเพียง 30 คน โดยจะเปิดรับสมัครช่วงเดือนเมษายน 2562 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.agroind.kmitl.ac.th หรือติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/agro.industry.kmitl

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image