เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อย.ได้มีการประชุมหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญถึงความจำเป็นในการใช้ยาเฟนเตอร์มีน หรือยาลดความอ้วน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ายาดังกล่าวยังมีความจำเป็นต้องใช้ ดังนั้น จึงเห็นว่าต้องมีการนำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการควบคุมและเฝ้าระวังการใช้ยาและการจ่ายยามากขึ้น เพราะยาทุกตัวมีทั้งประโยชน์และโทษ โดยกรณีนี้ไม่ได้เกิดปัญหาที่ตัวยาแต่เป็นการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด หากจะให้ยกระดับยาจากที่ปัจจุบันยาเฟนเตอร์มีนจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2อยู่แล้ว หากต้องยกระดับขึ้นอีกก็คงไม่สามารถใช้ยาเฟนเตอร์มีนได้ อีก
“อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนเห็นว่าต่อไปเราจะต้องมีการควบคุมและมีการวางระบบควบคุมเพิ่มขึ้นการจ่ายยาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ทั้งควบคุมแพทย์ที่จ่ายยา มีการตรวจสอบจำนวนผู้ใช้ยากับปริมาณยาว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ มีการขอรายละเอียดผู้ใช้เพื่อป้องกันการนำรายชื่อผู้ป่วยมาใช้ซ้ำ รวมถึงมีการให้คำแนะนำผู้ใช้ยามากขึ้นให้ผู้ใช้ได้เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้ยาดังกล่าวหรือไม่ เป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนเมษายนจะเริ่มทำและเก็บรวบรวมข้อมูลเนื้อหาต่างๆ ด้วยการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่กับการทำโปรแกรมฐานข้อมูลที่จะเชื่อมกันทั้งประเทศ ซึ่งระบบทั้งหมดจะสามารถเสร็จและเริ่มใช้ได้ในเดือนกันยายนนี้ ” นพ.สุรโชค กล่าว
ด้าน นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้ สบส.ได้รับข้อมูลของคลินิกทั้ง 9 แห่ง จากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ซึ่งพบว่าจะอยู่ตามต่างจังหวัด ดังนั้นในวันที่ 18 มีนาคมนี้ สบส.จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)เพื่อเร่งดำเนินการกับคลินิกทั้งหมดต่อไป