เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่าขณะนี้ อภ.ได้ปลูกกัญชาภายในโรงเรือนระบบปิด ที่โรงงานผลิตยารังสิต คลอง 10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งได้ดำเนินการปลูกอยู่เพื่อนำสารสกัดมาใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่างๆ โดยการปลูกลักษณะนี้เป็นการปลูกตามมาตรฐาน เมดิคัล เกรด อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าการปลูกต้นอ่อนกัญชาในโรงเรือนระบบปิด ขณะนี้มีการเจริญเติบโตได้ดีทั้ง 3 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ที่มี THC สูง สายพันธุ์ที่มี CBD สูง และสายพันธุ์ที่มีทั้ง THC และ CBD โดยพบว่าประเทศไทยจะมีกัญชาสายพันธุ์ THC สูง เติบโตได้ดี
“นอกจากการปลูกในโรงเรือนระบบปิดแล้ว ขณะนี้ทาง อภ.อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการทำการปลูกแบบกลางแจ้งที่เรียกว่ากรีนเฮาส์ (Green house) หรือการปลูกคล้ายเรือนกระจก โดยจะมีแสงแดด มีการควบคุมการปลูกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กรณีการปลูกแบบนี้ต้องมีการศึกษาวิจัยให้ดี เพราะต้องมีการควบคุมแสง ควบคุมการปนเปื้อนอย่างดีด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ รวมทั้งเรื่องงบประมาณด้วย แต่ทั้งหมดยืนยันว่าจะเป็นในรูปของการสกัดเพื่อนำสารมาใช้ทางการแพทย์” นพ.โสภณกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีในอนาคต อภ.จะร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในการปลูกกัญชาร่วมกันหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า ต้องดูตามเงื่อนไขกฎหมาย และความต้องการของตลาด ซึ่งหากจะทำก็จะทำในรูปแบบคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง และต้องดูความต้องการของตลาดด้วย ซึ่งขณะนี้ก็รอข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เกี่ยวกับการแจ้งนิรโทษครอบครองกัญชาว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้ทราบปริมาณความต้องการในการใช้กัญชารักษาโรค แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง และมีเรื่องรัฐบาลชุดใหม่ ต้องเตรียมพร้อมเรื่องนโยบายกัญชาด้วยหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับ อภ.ต้องดำเนินการตามภารกิจ ซึ่งแน่นอนว่าใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์ มุ่งสกัดหาสารสกัด หรือน้ำมันกัญชามาเพื่อใช้รักษาโรค รวมทั้งการศึกษาวิจัยสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม ส่วนเรื่องกัญชาเสรี ตนยังไม่ทราบ ก็ต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
