หมอจุฬาฯจวกยับ! ออกหมายจับ อ.เดชา ถูกต้องแล้วหรือ ทั้งที่ กม.นิรโทษ 90 วันยังมีเวลา ?

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับ “มติชน” ว่า สิ่งที่มูลนิธิฯและนายเดชา ศิริภัทร ทำไปล้วนเป็นประโยชน์กับผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มีข้อจำกัดจากแพทย์แผนปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังมีการสอนวิธีปฏิบัติตัว สอนใช้กัญชาอย่างถูกวิธี ผมอยู่ในชมรมของท่าน รับทราบและเรียนรู้วิธีการใช้กัญชาโดยแนะนำให้คนไข้ใช้ โดยกระบวนการดังกล่าวเป็นข้อบกพร่องอย่างให้อภัยไม่ได้ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทั้งนี้ ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดเกี่ยวกับกัญชามีรากฐานราว 1 ปีที่แล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พิจารณาให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือต้องการพิสูจน์ว่ากัญชามีประโยชน์จริง สามารถใช้รักษาโรคหรือภาวะต่างๆ ซึ่งยาปัจจุบันมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอหรือรักษาได้ รวมทั้งยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ ยาทางสมอง ยานอนหลับ ยาซึมเศ้รา ยาวิตกกังวล เหล่านี้มีราคาราวแสนล้านบาท หากสามารถใช้ยากัญชาทดแทนจะประหยัดเงินด้านหลักประกันสุขภาพได้จำนวนมาก ดังนั้น หากกัญชาสามารถใช้เป็นยาพื้นบ้านหรือยาประจำบ้านได้ จะช่วยลดความยุ่งยากในการใช้ยาที่ทำให้เกิดความแทรกซ้อนต่างๆ ได้

ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าวว่า เมื่อ สนช.ร่าง พ.ร.บ.ซึ่งผมเป็นคณะกรรมการอยู่ สิ่งที่เราทำคือพยายามทำให้เป็น พ.ร.บ.ฉบับประชาชนเต็มที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่เห็นด้วยในหลายๆ เรื่อง สิ่งที่ออกมาคือเกษตรกรรายย่อยเกิดช่องทางเพาะปลูก ผลิต สกัด จำหน่าย สามารถขออนุมัติได้ และเพื่อป้องกันการผูกขาดของบริษัทนายทุน อย่างไรก็ตาม ภายหลังมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งประกาศแล้วว่าให้เวลาแจ้งครอบครองกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ 90 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครบกำหนดดังกล่าว โดยผู้ครอบครองต้องเข้าไปแจ้ง หากเป็นผู้ป่วยต้องบอกว่าเป็นโรคอะไร มีครอบครองเท่าไหร่ เป็นของในระบบหรือไม่ ทั้งนี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องแจ้งการครอบครอง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของนอกระบบ เพราะในระบบไม่มี และองค์การเภสัชกรรมยังไม่ผลิต จึงจำเป็นต้องใช้ของนอกระบบ และ อย.บอกให้ใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นนิรโทษกรรม จากนั้นห้ามใช้

“ถามว่าผม ครอบครัว และผู้ป่วยซึ่งได้ประโยชน์จากกัญชาจะใช้ของที่ไหน ไปจนถึงเรื่องนายเดชาและหลายๆ ชมรมถูกเจ้าหน้าที่บุกยึด จับกุม ดังนั้น สิ่งที่ทำเพื่อชุมชน เพื่อคนป่วย และของในระบบก็ไม่มี แถมคนที่ใช้ได้ต้องเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน เภสัชกร แพทย์แผนโบราณ และแพทย์แผนไทย ผมซึ่งอยู่ในคณะกรรมการต้องร่างหลักสูตรอบรมแพทย์ ตอนนี้ยังไม่มีหลักสูตรดังกล่าว ถามว่าถึงมีหลักสูตรแล้ว อบรมแล้ว มนุษย์ที่เป็นหมออย่างผมหรือแพทย์ทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความสามารถพอที่จะใช้กัญชาให้คนป่วยได้ด้วยความมั่นใจ เพราะประสบการณ์น้อยมาก ในทางปฏิบัติ คนที่ใช้ ปลูก สกัด ให้การรักษา หรือแนะนำคนป่วยคือคนที่อยู่ในชมรมใต้ดินทั้งสิ้น การบุกจับแล้วบอกว่าผิดกฎหมาย ถามว่าตำรวจหรือ อย.มีปัญญาให้การบริบาลผู้ป่วยหรือไม่ ขณะเดียวกัน ตลอดเวลา 1 ปี ผมและคณะทำงานหลายชุดได้ชี้แจงให้ อย.พูดถึงหลักวิทยาศาสตร์ พูดถึงผู้ป่วยซึ่งมีรูปและประวัติมาแสดงว่าเขาได้ประโยชน์และยังมีชีวิตอยู่ยืนยาว ก้อนมะเร็งลดลง หรือถ้าเสียชีวิตก็เสียอย่างเป็นมนุษย์ ไม่ได้เจ็บปวดทรมาต้องฉีดมอร์ฟีน

“จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาได้รับข้อมูลที่เราให้ไปตลอดหลายสิบครั้ง กลับไม่นำไปใช้ ผมจึงตั้งข้อเกตว่า 1.เขาไร้เดียงสามากขนาดนั้นจริงหรือ 2.ไม่มีความรู้เลย หากไร้เดียงสาหรือไม่มีความรู้ขนาดนั้นก็ไม่สมควรเป็นหน่วยงานรับที่รับผิดชอบประชาชนเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ 3.ถ้ามีความรู้ แต่ยังทำอย่างนี้อยู่ หมายความว่ากำลังผลักให้กัญชาที่ใช้อยู่ใช้ไม่ได้ ต้องใช้กัญชาที่สั่งจากต่างประเทศ ผมตรวจสอบราคามาแล้วว่าหากใช้รักษาโรคลมชัก ต้องเสียเงิน 3-4 หมื่นบาท/คน/เดือน ถามว่าหาก อย.ทำเช่นนั้นเทียบกับกัญชาซึ่งได้ฟรี หรือเสียเงินหลักร้อย หลักพันบาทต่อดือน เพราะมีจุดประสงค์ใดแฝงเร้นหรือไม่ เพราะขณะนี้มีบริษัทนายทุนเข้าไปปลูกกัญชาที่ประเทศเพื่อนบ้านมากมาย หากเจ้าหน้าที่มีจุดประสงค์แฝงเร้น หมายความว่าคนไทยไม่มีสิทธิใช้เอง ทำเอง ต่อไปนี้ต้องเป็นบริษัทนายทุนอย่างนั้นหรือ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image