เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย และแนวทางการรักษาด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐกล่าวว่า คนไทยยังเข้าใจว่าโรคไข้หวัดใหญ่หายเองได้ แต่ความจริงต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในการรักษาที่ถูกต้อง โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนจะเป็นช่วงที่มีแพร่กระจายเชื้อจำนวนมาก ซึ่งอาการของโรคไข้หวัดใหญ่คล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่มีความรุนแรงนำไปสู่การเสียชีวิต หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น ผู้ที่มีอาการมีไข้สูงให้รีบพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง และลดการแพร่กระจายของเชื้อสู่ผู้อื่น
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่คาดเดาความรุนแรงยาก เพราะเชื้อสามารถกลายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ แต่ก็รักษาได้ด้วยด้วยยาต้านไวรัส และสามารถป้องกันให้หายได้ด้วยยาต้านไวรัส ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส 4 สายพันธุ์เอ บี ซี และดี ซึ่งในไทยพบการระบาดของสายพันธุ์บีมากกว่าสายพันธุ์เอ โดยจะระบาดทุกปี โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวที่มีความชื้นมาก จะยิ่งทำให้เชื้ออยู่ได้นานขึ้นและเป็นช่วงเดียวกับที่โรงเรียนเปิดภาคเรียน ซึ่งบางแห่งเริ่มเปิดภาคเรียนแล้วในสัปดาห์นี้ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาตินำเชื้อเข้ามาแพร่ในไทย
“สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่แบ่งเป็น ไข้หวัดใหญ่ประจำปีหรือไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นไข้หวัดที่มีผู้ป่วยกำลังประสบ ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ (ปี 2009) และไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู เป็นต้น โดยไข้หวัดใหญ่ในสัตว์มีอัตราตายสูงมากถึงร้อยละ 60 และเชื้อพยายามปรับตัวเพื่อไม่ให้เชื้อตายไปกับคน” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวและว่า สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ประเทศซีกโลกเหนือขณะนี้ยังไม่พบการระบาดมากนัก ส่วนซีกโลกใต้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่กำลังเข้าสู่หน้าหนาวกลับพบมีการระบาด เช่นเดียวกับประเทศไทยที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2562 จากรายงานโรคระบบเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-7 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบปีนี้มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว จำนวน 152,185 คน และมีผู้เสียชีวิตถึง 10 คน เดือนภายใน 4 เดือนแรกของปีนี้
“กลุ่มที่พบสูงสุด คือ กลุ่มเด็กอายุ 7-9 ปี ร้อยละ 13.71 รองลงมา กลุ่มคนวัยทำงาน 25-34 ปี ร้อยละ 12.99 และเด็กอายุ 10-14 ปี ร้อยละ 12.77 เป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ดังนั้น สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กฯ จะเสนอกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดสู่คนในครอบครัว ขณะที่จำนวนผู้ป่วยสะสมในภาพรวมพบสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และสูงกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่า และปีนี้คาดการณ์ว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะมีแนวโน้มสูงกว่าปีที่ผ่านมา” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวและว่า ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วย 1.5 แสนคน มองว่าในความเป็นจริงอาจมีผู้ป่วยราว 1 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากร
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า หากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ปัจจุบันมีวิธีรักษา 2 รูปแบบ คือ การรับวัคซีนและยาต้านไวรัส ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนก็จ่ายยาเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มียาชนิดใหม่ได้รับการจดทะเบียนในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และไทยแล้ว กิน 1 โดส ในครั้งเดียว อาการไข้จะลดลงเร็วกว่าการกินยาติดต่อกัน 5 วัน และลดอาการผลข้างเคียง เช่น จากเดิมอยากอาเจียน 5 วัน ก็อาเจียนเพียงวันเดียว แต่เนื่องจากยามีราคาแพง ต้นทุนเม็ดละ 2,000 บาท ขณะนี้จึงมีโรงพยาบาลเอกชน 3-4 แห่ง ที่เริ่มนำยาดังกล่าวมาใช้ โดยกำหนดให้จ่ายยาผู้ป่วยอายุ 12 ปีขึ้นไป และไม่มีการจำหน่ายตามร้านขายร้านยาทั่วไป
