“หมอธีระวัฒน์” ย้ำพิสูจน์ชัดเจน อย.ไม่เข้าใจความเป็นยาของกัญชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นพ.ธีระวัฒน์ เหมจุฑา กรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “หมอธีระวัฒน์ ชี้ อย.ไม่ได้มีความเข้าใจ ในความเป็นยาของกัญชา” วันที่ 9 เมษายน 2562 – 09:03 น. จนวันที่ 22 พค 2562 พิสูจน์ชัดเจน

อย่างไรก็ตามในโพสต์ดังกล่าว หมอธีระวัฒน์ ได้นำข่าวที่ลงในมติชนออนไลน์เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 62 มาประกอบด้วย โดยมีใจความว่า

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา กรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “กัญชาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สะท้อนให้เห็นถึงการทำงาน ของ อย” โดยข้อความระบุว่า
อย เป็นองค์กรที่มีความสำคัญยิ่งในการให้ความมั่นใจเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี จากการที่ได้อาหารและยาที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
กระบวนการที่จะถึงผลสัมฤทธิ์เหล่านี้จะต้องมีความเข้าใจ มีความรู้ลึกซึ้งในประโยชน์ โทษและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ และในขณะเดียวกันจะต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้และในราคาที่เป็นไปได้โดยเฉพาะมีผลต่องบประมาณของประเทศในด้านของงบบัตรทองและหลักประกันสุขภาพ
ความพยายามที่จะมีการปฏิรูป อย มีมาเนิ่นนานแต่ไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากขาดกลไกในการตรวจสอบภายในและจากภายนอกที่โปร่งใสและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข (คปสธ) ได้แสดงประเด็นทั้งในเรื่องของการรับขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ซึ่งต้องเป็นไปโดยสะดวกผ่านช่องทางเดียว แต่สามารถแยกแยะชนิดของผลิตภัณฑ์ได้โดยต้องมีมาตรฐานของการตรวจสอบอย่างครบถ้วนตามชนิด และความเสี่ยง รวมไปถึงยาชีววัตถุคล้ายคลึง ทั้งนี้โดยห้ามไม่ให้มีการใช้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เลือกเป็นบางคน ซึ่งปรากฏว่ามียาหลายตำรับที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากความไม่ได้มาตรฐานของยา
และจากการที่ถ้าสามารถกำหนดและควบคุมมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้ตั้งแต่ต้น จะไม่เป็นการยากลำบากในการควบคุมหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้ว
ในเรื่องของกัญชา อย ไม่ได้มีความเข้าใจ (หรือไม่พยายามเข้าใจ) ในความเป็นยาของกัญชา ไม่ได้ทำตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลตามพระราชบัญญัติยาเสพติดในเรื่องของกัญชาซึ่งต้องให้มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างเต็มที
ทั้งนี้โดยหลีกเลี่ยงที่จะมีการนำเข้า ยากัญชาจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงเช่นเดียวกับยาปัจจุบันที่ใช้อยู่ขณะนี้
ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีการศึกษาสถานการณ์ของการใช้กัญชาในประเทศผ่าน ทางคณะกรรมการหลายชุดโดย อย และ ปปส ได้รับทราบข้อมูลโดยละเอียดถี่ถ้วน ถึงกัญชา สารสกัดกัญชารวมถึงน้ำมันกัญชาที่ใช้ในประชาชน โดยผ่านทางชมรม ใต้ดินหรือแท้ที่จริงคือชมรมจิตอาสา ที่เกิดจากการรวมตัวของประชาชนคนป่วยและครอบครัวที่มีข้อจำกัดจากการรักษาแผนปัจจุบันทั้งด้วยลักษณะของตัวโรคเอง และด้วยระยะความรุนแรงของโรค
ชมรมเหล่านี้มีความรู้ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาของปราชญ์คนไทยซึ่งมีตำราจารึกไว้หลาย 100 ปีและได้ทำการพัฒนาปรับเปลี่ยนกระบวนการ ให้สามารถนำมาใช้ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งถึงมีการสอนคนป่วยและครอบครัวให้มีความรู้ในเรื่องการเพาะปลูก สกัด การนำมาใช้ วิธีใช้ในโรคต่างๆรวมกระทั่งถึงข้อสังเกตในเรื่องของผลข้างเคียงและปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน

ความพยายามของ อย และ ปปส มุ่งเป้าต้องการให้กัญชาและการใช้ต้องอยู่ในระบบทั้งสิ้นโดยการใช้อำนาจทางกฎหมายที่ตนเองเป็นผู้เขียนตามต่อมาจากพระราชบัญญัติกัญชาอันได้แก่กฎหมายนิรโทษกรรม กฎหมายเกี่ยวกับการขออนุญาตในการใช้และการครอบครองรวมถึงการจำหน่ายจ่ายแจก

Advertisement

ถึงแม้ว่าในพระราชบัญญัติจะไม่ได้ลงลึกไปถึงคนปลูก เพาะและสกัด ที่เป็นรายบุคคลหรือเป็นครอบครัวเดี่ยวและไม่ได้เป็นผู้ป่วยแต่ได้เปิดโอกาสให้สามารถกระทำได้ ทั้งนี้กระบวนการที่ อย และ ปปส ต้องเตรียมการ และจะต้องปฏิบัติก่อนหน้าที่จะมีการออกกฏหมายต่างๆคือทำให้มีกลไกที่เอื้ออำนวยให้บุคคลที่ไม่ใช่เป็นผู้ป่วยและเป็นผู้เพาะปลูกและสก้ด ทั้งที่เป็นรายเดี่ยว รายย่อยหรือชมรมมีความสะดวกและ “ขึ้นบก” โดยถูกกฎหมายตามพระราชบัญญัติ
เหตุผลสำคัญที่ต้องทำเช่นนั้น ซึ่ง อย และ ปปส ต้องทราบดีจากการประชุมและแยกแยะสถานการณ์ที่ผ่านมา
1- กัญชาที่จะผลิตขึ้นมาในระบบไม่เพียงพอ ทั้งนี้โดยการประเมินการใช้ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันและในอนาคตตามข้อบ่งใช้ของภาวะและตัวโรค จะมีจำนวนหลาย 100,000 คน
การที่จะได้กัญชาจากประชาชนที่ทำการเพาะปลูกอยู่แล้วจะสามารถทำให้ได้ยากัญชาที่เข้าอยู่ในระบบในปริมาณที่เพียงพอได้

2-การรักษามาตรฐานความปลอดภัย ของกัญชาว่าต้องปราศจากสารเคมีกำจัดวัชพืชและโลหะหนักปนเปื้อนที่ได้จากดิน ดังนั้นจำเป็นต้องมีหน่วยงานมาตรฐานที่ทำการตรวจได้ทันทีและสามารถรับตัวอย่างจากทั่วประเทศ
3- ในช่วงเวลาของการทำให้ยากัญชาเป็นยาของประเทศและยาในระบบยังไม่เกิดขึ้น ต้องมีการส่งเสริมชมรมที่มีอยู่แล้วให้ปฏิบัติงานต่อและในขณะเดียวกันสามารถให้บุคคลในชมรมที่มีความรู้ประสบการณ์ ความสามารถทั้งเรื่องการเพาะปลูก สก้ด การใช้ในโรคต่างๆให้เป็น ผู้สอนแก่แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่กำหนดอยู่ในพระราชบัญญัติ เนื่องจากบุคคลที่สามารถสั่งใช้ยากัญชาแก่ผู้ป่วยตามกฎหมายเหล่านี้ไม่เคยมีความรู้และไม่เคยใช้กัญชาในการรักษาโรคมาก่อน
ความผิดพลาดเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่ออกกฏหมายและการเข้าตรวจจับกุมชมรมต่างๆจะมีผลกระทบ อย่างสูงต่อเจตนารมณ์ของการนำกัญชาเข้าสู่ระบบมาตรฐานโดยไม่มีการแยก “บนดิน” และ “ใต้ดิน”
และแน่นอนเกิดผลเสียหายต่อชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับกัญชาอยู่แล้วในขณะนี้โดยเฉพาะภาวะหรือโรคที่ควบคุมยากอยู่แล้วเช่นเจ็บปวดทรมานจากโรคมะเร็ง เจ็บปวดทรมานจากโรคที่เกิดจากระบบประสาทผิดปกติ รวมถึงโรคที่ยาปัจจุบันรักษาไม่ได้และกัญชาทำให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้และครอบครัวสามารถดูแลผู้ป่วยได้ด้วยความง่ายและสะดวกมากขึ้น เช่นโรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน
ทั้งนี้ อย และ ปปส ต้องตระหนักว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติที่ขาดการเตรียมพร้อมทั้งๆที่ได้รับทราบข้อมูลมาล่วงหน้าแต่ยังดื้อดึงที่จะปฏิบัติการกวาดล้าง

และถือเป็นการริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของคนป่วยในการที่จะพยายามรักษาชีวิตของตนเอง
นอกจากนั้น อย และ ปปส ยังต่อต้านข้อเรียกร้องขององค์การอนามัยโลกที่ให้นำกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด โดยเฉพาะกันชง และ CBD ให้ถือเป็นยาและสามารถใช้ได้โดยเสรี ในขณะที่สารออกฤทธิ์ที่ทำให้มีผลต่ออารมณ์ ได้แก่ THC ยังคงต้องมีการควบคุมแต่ถือเป็นยาเช่นเดียวกัน
เพียงแต่เรื่องกัญชากระบวนความคิด การบริหารจัดการการปฎิบัติที่ต้องมีความรอบคอบไม่เกิดความเสียหายต่อชีวิตของผู้ป่วย อย และ ปปส ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ขาดความรู้ขาดความสนใจ หรือไม่ได้สนใจต่อข้อมูลต่อสถานการณ์ ยังคงต้องการที่จะบริหารอำนาจเท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจากFBธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image