“ไบโอไทย” หนุนพรรคการเมืองทั้ง2ขั้วแก้กม.ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด

ผู้สื่อ่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 พ.ค. เว็ปไซต์ ไอโอไทย ได้โพสต์ข้อความเรื่องราวกัญชา พร้อมยกตัวอย่างข้อเขียนของ อ.วิจารณ์ พานิช ผู้ก่อตั้ง สกว. มาเผยแพร่ด้วย

โดยไอโอไทยระบุว่า นี่คือวิสัยทัศน์ของแพทย์และนักวิชาการชั้นนำคนสำคัญของประเทศ อดีตผู้ก่อตั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ท่านเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้มานับตั้งแต่ปี 2553 ! น่าเสียดายที่ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขบางท่านจนบัดนี้ยังไม่เปลี่ยนมโนทัศน์เกี่ยวกับกัญชา

ไบโอไทยสนับสนุนนโยบายของพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลซึ่งควรจะร่วมมือกันในการปรับปรุงกฎระเบียบและกฎหมายเพื่อปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเพื่อการแพทย์ ซึ่งไม่ควรเพียงหมอพื้นบ้านและบุคคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่ควรจะมีสิทธิในการปลูก ปรุง และแจกจ่ายยากัญชา แต่ควรรวมประชาชนที่เป็นผู้ป่วยทุกคนที่ควรสามารถปลูกกัญชาเพื่อการพึ่งพาตนเอง ดังคำกล่าวก่อนกาลของ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

ข้างล่างนี้คือบทความฉบับเต็มใน blog ของท่าน
———

Advertisement

ชีวิตที่พอเพียง : ๑๑๔๐. กัญชาเป็นยา

ผมเคยเขียนเรื่องกัญชาไว้ที่นี่ บัดนี้นิตยสาร ไทม์
ฉบับวันที่ ๒๒ พ.ย. ๕๓ ลงบทความยาว ๑๐ หน้า
เรื่อง How Marijuana Got Mainstreamed
แสดงให้เห็นโอกาสที่ประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็น
“แหล่งยารักษาโรคให้แก่โลก” ไม่ใช่แหล่งผลิต
ยาเสพติด

เรื่องกัญชาเป็นตัวอย่างที่ดี ว่าหากเราสามารถ
สร้าง “การเปลี่ยนกระบวนทัศน์” ได้ด้วยตนเอง
เราจะไม่ต้องตามก้นฝรั่ง ที่ผ่านมาฝรั่งว่าไม่ดีเรา
ก็ว่าไม่ดีตาม ยอมกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิด
กฎหมาย บัดนี้ฝรั่งเริ่มรู้จักคุณประโยชน์ของมัน
และรู้จักใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ เราน่าจะไหว
ตัวเร็ว เพราะนี่คือจุดได้เปรียบของเรา

Advertisement

ที่จริงฝิ่นก็เป็นยา ฝิ่นเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นต้น
สำหรับผลิตมอร์ฟีน สำหรับใช้เป็นยาแก้ปวดที่
ราคาถูกและได้ผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วย
ระยะสุดท้ายของชีวิต แต่เราต้องซื้อยาราคาแพง
จากต่างประเทศ ผลิตเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่ภาค
เหนือของเราเป็นแหล่งที่เหมาะสมยิ่งต่อการ
ปลูกฝิ่น และเราเคยปลูกมาแล้ว ทำไมเราไม่
สามารถปลูกฝิ่นเพื่อผลิตมอร์ฟีนขายให้แก่โลก
ทั้งๆ ที่เทคโนโลยีง่ายมาก แต่บริษัทฝรั่งผลิตได้

เวลานี้โลกเริ่มเปลี่ยนกระบวนทัศ์การมองกัญชา
จากจากยาเสพติด สิ่งเลวร้าย เป็นยา (medicine)
เป็นสิ่งดีที่ช่วยให้ชีวิตไม่ทรมาน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งแก้ปวด

และสำหรับประเทศไทย แทนที่ผู้ป่วยที่ต้องการ
ใช้กัญชาเป็นเวลานาน เพราะเป็นโรคเรื้อรัง จะ
ต้องซื้อ ควรจะปลูกเองในสวนครัว ทั้งประเทศ
น่าจะลดค่าใช้จ่ายด้านยาแก้ปวดได้เป็นพันล้าน
บาทต่อปี

โดยต้องมีการวิจัยครบวงจรเพื่อสร้างการใช้
กัญชาอย่างถูกต้อง ใช้มันเป็นทาสเรา ไม่ใช่คน
ตกเป็นทาสมัน

อาจต้องวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายขึ้นมาควบคุม
การใช้ ไม่ให้มีการใช้ในทางที่ผิด ทำอันตรายแก่
ตนเองและผู้อื่น เราสามารถเริ่มต้นจากการ
อนุญาตให้ใช้โดยมีการคุมเข้มก่อน อนุญาตให้ใช้
เฉพาะผู้ป่วยที่แพทย์สั่งยาให้ใช้กัญชา และมีคำ
แนะนำวิธีใช้ที่ชัดเจน รวมทั้งบอกอาการไม่พึง
ประสงค์ที่จะต้องหยุดยาและไปพบแพทย์ ต่อไป
เมื่อสังคมรู้จักควบคุมกันเองได้ดีขึ้นก็ค่อยๆ
หย่อนการควบคุมลง

เป้าหมายอย่างหนึ่งของการวิจัย คือเพื่อเปลี่ยน
กระบวนทัศน์ผู้คนในสังคมเกี่ยวกับกัญชา จาก
เชิงลบเป็นเชิงบวก ที่มีกติกาและจริยธรรมในการ
ใช้ โดยเราสามารถศึกษาจากประสบการณ์ใน
ประเทศอื่นที่นำหน้าไปแล้ว

เวลานี้โลกมีความรู้เกี่ยวกับกัญชามากมาย ที่จะ
นำมาใช้กำหนดวิธีใช้ที่ให้ผลดี ลดผลร้าย เรารู้
ว่าในกัญชามีสารออกฤทธิ์ ๑๐๘ ชนิด และมีมาก
น้อยต่างกันในกัญชาต่างสายพันธุ์จากต่างแหล่ง
ผลิต รวมทั้งออกฤทธิ์ต่างกันในต่างคน ผู้ใข้แต่
ละคนจึงต้องลองเองว่าได้ผลดีที่ต้องการหรือไม่

สารออกฤทธิ์สำคัญ ๒ ตัวคือ THC
(tetrahydrocannabinol) กับ CBD
(cannabidinol)

ความรู้เรื่องการออกฤทธิ์ของกัญชาต่อคนมีมาก
มาย รวมทั้งรู้ว่ามันช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจมี
ผลช่วยต่อต้านมะเร็ง แต่ก็มีผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่า
สารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งในกัญชาคือ acetaldehyde
มีฤทธิ์ทำลาย ดีเอ็นเอ ทำให้เดาต่อได้ว่าอาจ
เป็นต้วก่อมะเร็ง

อาการป่วยที่ใช้กัญชามากที่สุดคือปวดอย่าง
รุนแรงและเรื้อรัง ร้อยละ ๙๔ ของการใช้กัญชา
เป็นยาในสหรัฐอเมริกา ใช้เพื่อบำบัดอาการปวด
รุนแรงนี้

คนที่ใช้กัญชาอย่างต่อเนื่องจะติดเพียงร้อยละ ๑๐
ในขณะที่ตัวเลขนี้เท่ากับ ๑๕ ในสุรา และ ๓๒
ในบุหรี่

เราต้องไม่ลืมว่ากัญชา (ทุกสิ่ง) มีทั้งคุณและโทษ
กัญชามีฤทธิ์ลดความสามารถในการรับรู้
(cognitive impairment) และมีรายงานว่ามีส่วน
สัมพันธ์กับการเกิดโรคซึมเศร้า และโรคจิตเภท
อาการแทรกซ้อนทางจิตนี้พบบ่อยในผู้ใช้กัญชา
ที่อายุน้อย สมัยผมเด็กๆ เขาเรียกคนที่สติไม่ดี
เมื่อเสพกัญชาว่า “บ้ากัญชา”

ประเทศไทยควรเป็นประเทศที่ผลิตอาหารและ
ยาให้แก่โลกผ่านการเกษตรแผนใหม่ การ
เกษตรชนิดที่ให้มูลค่าเพิ่มสูง และมีคุณค่าสูงต่อ
มนุษยชาติ สิ่งที่มีคุณค่าสูงมักจะมีอันตรายสูง
ตามมา เราสามารถเพิ่มคุณค่าลดอันตรายได้
โดยการวิจัยสร้างความรู้ให้สังคมรู้จักใช้
ประโยชน์อย่างเหมาะสม ลดโทษ และต้องวิจัย
และสื่อสารต่อสังคมไทยและต่อโลก เพื่อเปลี่ยน
กระบวนทัศน์ผู้คน ให้เห็นว่าข้อตกลงระดับโลก
หลายอย่างไม่เป็นธรรม หรือไม่ถูกต้อง สมควร
ได้รับการแก้ไข

ประเทศไทยควรมีสิทธิ์ผลิตยาแก้ปวดที่มีคุณค่า
ยิ่งออกจำหน่ายแก่โลก คือฝิ่น (มอร์ฟีน) และ
กัญชา

วิจารณ์ พานิช
๑๔ พ.ย. ๕๓
————

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image