“หมอธีระวัฒน์” ชี้ถ้าใช้ “กัญชา” อย่างชาญฉลาด ก็รักษาได้หลายโรค

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการใช้กัญชาอย่างชาญฉลาด โดยยกตัวอย่างกรณีการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเผยแพร่ภาพผู้ป่วยโรคสะเก็ดทั้งก่อนและหลังใช้น้ำมันกัญชา พร้อมกับระบุว่าน้ำมันกัญชายังใช้ได้ผลกับโรคอื่นๆอีก เช่น โรคพุ่มพวง หรือโรคเอสแอลอี โรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ลมชัก โรคมะเร็ง ฯลฯ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุด้วยว่า การใช้กัญชานั้นจะใช้ได้อย่างชาญฉลาดและได้ประโยชน์สูงสุด คือ ต้องทราบว่าโรคนั้นๆ ต้นเหตุนั้นๆ มีกลไกอย่างไร และกัญชาจะเข้าไปสอดแทรกในการปรับสมดุลได้อย่างไร และที่สำคัญก็คือ รู้ขนาด รู้วิธีการใช้ รู้ว่าจะไปตีกับยาปัจจุบันที่ใช้อยู่แล้วหรือไม่ ซึ่งเห็นได้จากการแพทย์แผนไทยที่มีการถ่ายทอดเป็นตำรามาหลายร้อยปี ทั้งนี้ในปี 2554 บริษัทยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษได้ร่วมกับญี่ปุ่นยื่นคำร้องขอจดสิทธิบัตรกัญชาในประเทศไทยเพื่อรักษามะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก ถึงแม้จะถูกประกาศด้วยมาตรา 44 แต่ก็มีกระบวนการยื่นคัดค้านได้ ขณะที่คนไทยบางกลุ่มต่อต้านการใช้กัญชารักษามะเร็ง แต่บริษัทยาต่างชาติกำลังจะฮุบกัญชารักษามะเร็ง และผลิตยากัญชาสำหรับรักษาอาการปวดและรักษาโรคลมชักที่ดื้อยา ราคา 30,000-40,000 บาทต่อเดือนต่อคน และหากจะถามว่าจะใช้กัญชาได้ในโรคใด ให้ถามตัวเองว่า ที่เจ็บป่วยขณะนี้ได้ประโยชน์เต็มที่หรือไม่จากการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน นี่คือที่มาของการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยไม่ต้องรู้วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน แต่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเจ็บป่วย ลูกตัวเองกำลังจะตาย ตนเองกำลังจะเสียชีวิต เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้กัญชา

ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

Advertisement

“การใช้กัญชาอย่างชาญฉลาด

ทำไมโรคสะเก็ดเงินได้ผล?
การรักษาแบบปัจจุบันด้วยการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งควบคุมโรคได้จำกัดและมีผลแทรกซ้อน
ดังนั้นผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นในเมืองไทยเองหรือในต่างประเทศ จำเป็นต้องหาทางเลือกเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง ดังที่มีรายงานมาเรื่อยๆ ว่าได้ผล และนั่นคือที่มาของการใช้กัญชาไม่ว่าจะเป็นการทาอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับการหยดร่วมด้วย

ทำไมกัญชาใช้ได้ผลใน
โรคอื่นๆ อีก เช่น โรคพุ่มพวง?

Advertisement

โรคพุ่มพวง SLE เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายวิปริต และไปทำลายร่างกายตนเองตั้งแต่หัวจดเท้า ผม ผิวหนัง ปอด หัวใจ ตับ ไต สมอง เส้นเลือด กัญชามีฤทธิ์ในการปรับภูมิคุ้มกั นโดยไม่ใช่เป็นการกดหรือเพิ่ม จะเป็นการปรับสมดุลให้เหมาะสม immunomodulator

ดังนั้นกรณีที่คุณหมอเสริฐที่จังหวัดอุทัยธานีเริ่มเห็นประโยชน์ของกัญชามาจากการที่ช่วยบุคลากรในโรงพยาบาลเองจากโรคนี้

ทำไมกัญชาใช้ประโยชน์ได้ในโรคทางสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน?

ทั้งนี้ เพราะว่าโรคที่เรียกว่าสมองเสื่อมในความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยที่สำคัญที่เร่งให้เกิดโรค เป็นเรื่องของการอักเสบจากในร่างกายนอกสมอง และเป็นเรื่องของการอักเสบที่เกิดขึ้นจากเซลล์ในสมอง
ทั้งหมดนี้ ทำร้ายระบบเส้นเลือด รวมทั้งทำร้ายระบบในการกำจัดขยะหรือของเสียในสมอง

นอกจากระบบการอักเสบที่กัญชาเข้าไปควบคุมสมดุลแล้ว มีอะไรอีกอย่างอื่นหรือไม่?

ตัวรับกัญชาในร่างกาย แทรกอยู่ในทุกระบบไม่ว่าจะเป็นในระบบประสาทหรืออวัยวะอื่นๆ และอยู่ในเซลล์และอยู่ในอนุภาคในเซลล์ที่ควบคุมการปรับพลังงานของเซลล์ในทุกอวัยวะ

เพียงแต่ตัวรับกัญชาในร่างกายอย่างเดียวก็จะทำการปรับสมดุลของสารที่เชื่อมต่อสัญญาณ ระหว่างเซลล์หนึ่งของระบบหนึ่งไปยังอีกเซลล์ในระบบอื่น

และนอกจากนั้น สัญญาณที่ส่งมายังไปกระตุ้นการสร้างกัญชาตามธรรมชาติในร่างกายตามระบบซึ่งสร้างขึ้นมาและทำงานในช่วงระยะหนึ่งๆ และหยุดไปเมื่อการทำงานนั้นเสร็จสิ้น

ดังนั้นกัญชาที่ใส่เข้ามาจากภายนอกจะใช้ในปริมาณน้อยนิด เพื่อปลุกการสร้างกัญชาในร่างกายให้ทำงานได้ ให้สอดประสานกันในทุกระบบของร่างกาย

จำเป็นหรือที่กัญชาจะสามารถใช้ได้ใน 4 โรค ใน 39 โรค?
การใช้กัญชานั้นจะใช้ได้อย่างชาญฉลาดและได้ประโยชน์สูงสุด คือ การทราบว่าโรคนั้นๆ ต้นเหตุนั้นๆ มีกลไกอย่างไร และกัญชาจะเข้าไปสอดแทรกในการปรับสมดุลได้อย่างไร และที่สำคัญก็คือ รู้ขนาด รู้วิธีการใช้ รู้ว่าจะไปตีกับยาปัจจุบันที่ใช้อยู่แล้วหรือไม่

ดังนั้นการแพทย์ไทยที่จารึกไว้เป็นตำรับตำราหลาย 100 ปี จะถ่ายทอดให้ลูกให้หลานและมีประโยชน์สำหรับหลายภาวะ หลายโรคด้วยกัน

ในเรื่องของความปวด สามารถควบคุมการอักเสบที่เป็นต้นตอ และปรับกระบวนการสื่อความปวดในทุกระดับจากไขสันหลัง จนกระทั่งถึงระบบประสาทสมอง

ในเรื่องของโรคลมชักจะตรงไปตรงมาในเรื่องของการปรับสารสื่อประสาทในสมองโดยตรง

กัญชารักษาโรคมะเร็งได้หรือไม่?
รายงานจากทั่วโลกในผู้ป่วยมะเร็งที่หมดหวัง รวมทั้งถึงผู้ป่วยในประเทศไทย กัญชาช่วยได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งการรักษาแผนปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นการควบรวมด้วยกัน น่าจะเป็นการได้ประโยชน์สูงสุดและในกรณีที่หมดหวัง เป็นสิทธิ์ของคนไข้ที่จะเลือกกัญชาในการรักษาคุณภาพชีวิตตนเอง

มีรายงานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ แน่นอนการรายงานถึงกลไก แต่กระนั้น ไม่มีใครสามารถเข้าใจถึงความแยบยลของกัญชาจากภายนอกที่กระตุ้นระบบกัญชาภายใน และไปสั่งงานให้ร่างกายกำจัดเซลล์มะเร็ง
การศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตในสัตว์ทดลองสามารถพิสูจน์ได้ว่า สามารถรักษามะเร็งปอดในสัตว์ทดลองได้

ต้องรอรายงานการรักษามะเร็งด้วยกัญชาอีกต่อไปนานแค่ไหน?

คนไทยคงไม่ทราบว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษร่วมกับญี่ปุ่นยื่นคำร้องขอจดสิทธิบัตรกัญชาในการรักษามะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก ตั้งแต่ปี 2554 และถึงแม้จะถูกประกาศด้วยมาตรา 44 แต่มีกระบวนการยื่นคัดค้านได้

ขณะที่คนไทยบางกลุ่มที่ทำการต่อต้านการใช้กัญชารักษามะเร็ง แต่บริษัทยาต่างชาติกำลังจะฮุบ กัญชาในการรักษามะเร็ง และผลิตยากัญชาสำหรับรักษาอาการปวดและรักษาโรคลมชักที่ดื้อยาออกมาแล้ว ซึ่งราคายาคือ 30,000 ถึง 40,000 บาทต่อเดือนต่อคน และคนไทยบางส่วน นอกจากต่อต้านกัญชาที่ทำจากสมุนไพรไทย ยังอ้าแขนรับกัญชาจากบริษัทเหล่านี้ที่กำลังจะฮุบสิทธิบัตรกัญชาของไทย
คนไทยบางส่วนนี้ กำลังคิดอะไรอยู่?

ถ้ามัวแต่ถามว่าจะใช้ได้ในโรคอะไร?
เพียงถามตัวเองว่า ที่เจ็บป่วยขณะนี้ได้ประโยชน์เต็มที่หรือไม่จากการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน

สามารถบรรเทาอาการเต็มที่ได้หรือไม่จากการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน
และนี่คือที่มาของการใช้กัญชาทางการแพทย์
ไม่ต้องรู้วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
แต่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเจ็บป่วย ลูกตัวเองกำลังจะตาย ตนเองกำลังจะเสียชีวิต เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้กัญชา

กรุณาอย่าถาม
กรุณาอย่าอ้างว่ายังไม่มีรายงานในวารสาร
ลองไปดูคนไทยที่เจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากกัญชา…เท่านั้นก็พอ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image