เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับพ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ศปป.4กอ.รมน.) นำกำลังเจ้าหน้าที่พยัคฆ์ไพร ทหารกองร้อยรักษาความสงบที่ 2 ม.3 พัน 13 จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ภายใต้การอำนวยการของนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ปูพรมเข้าตรวจสอบเป้าหมาย 2 จุด ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทินและป่าคลองตีบ ท้องที่อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ หลังจากตรวจสอบพบข้อมูลมีนายทุนนอกพื้นที่เข้ามาบุกรุกปลูกยางพารา สวนทุเรียนในพื้นที่ป่าต้นน้ำ
โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบแปลงปลูกสวนทุเรียนเนื้อที่ 24 ไร่ พบคนงาน 5 คนกำลังฉีดยาฆ่าหญ้าในแปลงทุเรียน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาให้ข้อมูล จากการสอบถามให้การว่าเป็นเพียงคนงาน มารับจ้างให้เจ้าของชื่อ สุรชัย ซึ่งขณะตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียด นายสุรชัย ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูล โดยระบุว่า พื้นที่แปลงทุเรียนทั้งหมดเป็นของนายทุนจากภาคใต้ โดยให้ตนเป็นคนดูแลและให้การเป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองไผ่ เพื่อดำเนินการกับนายทุนและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบสวนยางพาราที่เคยดำเนินการตรวจยึดเมื่อปี 2559 เนื้อที่ 640 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตัดฟันตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่ จึงได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบโดยละเอียด แต่ไม่พบบุคคลใดในพื้นที่
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตรวจแปลงยางพาราข้างเคียงอีกกว่า 1,500 ไร่ พบบ้านพักคนงาน 4 หลังมีร่องรอยผู้อยู่อาศัย จึงตรวจค้นภายในบ้าน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก ปืนลูกซอง 1 กระบอก เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อีกหลายรายการ แต่ไม่พบผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบร่องรอยการต่อสายวิทยุสื่อสาร พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าใช้ติดต่อกัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ เพื่อหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจยึดพื้นที่ พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองไผ่ เพื่อเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพรนำอากาศยานไร้คนขับขึ้นบินสำรวจบริเวณโดยรอบ พบว่ามีการบุกรุกปลูกยางพารา และพืชเกษตรไม่น้อยกว่า 2,000 ไร่ จากนี้เตรียมเปิดยุทธการใช้ยาแรง นำกำลังกวาดล้างกลุ่มนายทุนที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ป่าซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ พร้อมกับดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ขั้นเด็ดขาด หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือปล่อยปะละเลยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าอีกด้วย
