เปิดช่องให้คำปรึกษาออนไลน์ ลดเหตุโจ๋ ‘ซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย’

วันที่ 18 กรกฎาคม นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการกำแพงพักใจ (Wall of Sharing) กับ บริษัท เทเลเมดิก้า จำกัด เจ้าของแอพพลิเคชั่นอูก้า (Ooca) เพื่อให้การปรึกษาด้านสุขภาพจิต โดยจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาออนไลน์แก่เด็กและเยาวชนอายุ 10-24 ปี ว่า สถานการณ์โรคซึมเศร้าในสังคม เป็นปัญหาที่สำคัญทางสุขภาพ ซึ่งเป็นโรคใกล้ตัวที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากไม่ได้รับการรักษาอาจรุนแรงจนนำไปสู่ปัญหาการฆ่าตัวตาย โดยผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้ามีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในปี 2562 อัตราการฆ่าตัวตายของประชากรไทยรวมทุกกลุ่มอายุ 6 รายต่อชั่วโมง ซึ่งอัตราการฆ่าตัวตายของเด็กและวัยรุ่น กลุ่มอายุ 15-24 ปี มีสถิติการฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 300 กว่ารายต่อปี นอกจากนี้ มีข้อมูลตัวเลขสถิติ พบว่า ในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า 100 คน เป็นวัยรุ่น 11 คน และในวัยรุ่น 100 คน จะมีภาวะซึมเศร้า 3 คน

“กรมสุขภาพจิตได้มีการให้บริการปรึกษาผ่านทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 มาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันสามารถจัดบริการให้ได้ปีละประมาณ 200,000 สาย จากการโทรเข้ามากว่า 800,000 สาย คิดเป็น 1 ใน 4 โดยในปี 2561 พบว่าปัญหาสุขภาพจิตที่ทำให้เด็กและเยาวชนโทรศัพท์มาขอรับการปรึกษามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาวะเครียดหรือรู้สึกกดดัน 2.ปัญหาความรัก 3.ปัญหาเรื่องเพศหรือการใช้สารเสพติด 4.ภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย ทำร้ายคนอื่น และ 5. ครอบครัว ไม่เข้าใจ โดยภาพรวมวัยรุ่นยังเป็นกลุ่มที่มีการเข้าถึงบริการน้อย โดยในปี 2561 ให้บริการได้ประมาณ 9,000 สาย ดังนั้น การค้นหาช่องทางในการช่วยเหลือเด็กและวัยรุ่นให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น จึงถือเป็นภารกิจที่สำคัญของหน่วยงาน และเป็นที่มาในการพัฒนาความร่วมมือโครงการกำแพงพักใจ” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

Advertisement

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า บริษัท เทเลเมดิก้าฯ จะนำเทคโนโลยีมาช่วยให้บริการปรึกษาด้านสุขภาพจิต ซึ่งจะส่งผลให้เด็กและวัยรุ่น สามารถนัดและพบกับจิตแพทย์ นักจิตวิทยาได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สามารถใช้ได้ทั้งบนมือถือแบบสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ โดยจะเป็นโรงพยาบาลเสมือน (Virtual Hospital) หรือโรงพยาบาลออนไลน์ที่สะดวก ไม่ต้องเดินทาง เลือกขอรับการปรึกษาเมื่อใดก็ได้ และมีความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งยังมีจิตแพทย์และนักจิตวิทยามากกว่า 50 คน รอให้คำปรึกษา

ด้าน พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กทม. กล่าวว่า โครงการกำแพง พักใจ เป็นโครงการที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กฯ ร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบให้การปรึกษาออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอูก้า โดยจะเป็นโครงการนำร่อง มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนงานด้านสุขภาพจิตให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งในขณะนี้ มีมหาวิทยาลัยนำร่องที่ลงนามเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยพะเยา สามารถรับบริการปรึกษาผ่านระบบโรงพยาบาลออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และจะขยายบริการให้ครอบคลุมเด็กและเยาวชนอายุ 10-24 ปี กลุ่มอื่นต่อไป

Advertisement

“วิธีการให้บริการปรึกษาออนไลน์ในลักษณะนี้ สามารถทำให้เด็กและวัยรุ่นได้พูดคุยระบายความรู้สึกและความเครียดได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ตามหลักทางวิชาการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา สามารถรับฟัง และชวนวิเคราะห์ รวมทั้งยังมีการพัฒนาระบบส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิกสุขภาพจิต เพื่อให้การดูแลต่อเนื่องในรายที่อาการรุนแรงหรือเรื้อรังอีกด้วย โดยมีหน่วยงานภาคเอกชน มูลนิธิ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุน” พญ.ดุษฎี กล่าวและว่า ส่วนผลที่คาดว่าจะได้รับจากความร่วมมือในช่วง 2 ปี (2562 – 2564) มีเป้าหมายที่จะลดอัตราการฆ่าตัวตายในเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 10-24 ปี จาก 300 รายต่อปี ให้เหลือเพียง 150 รายต่อปี และเพิ่มจำนวนการให้คำปรึกษาผ่านสายด่วน 1323 จาก 200,000 สายต่อปี เป็น 400,000 สายต่อปี ภายในปี 2564

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image