อย.จ่อแก้ กม. 3 ฉบับ ปลดล็อก “กัญชง” ยันสูตรน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา ยังอยู่ในขั้นตอน

เมื่อเวลา 10.20 น.วันที่ 25 กรกฎาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงข่าวกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์คณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมี นพ.ชาตรี บานชื่น ที่ปรึกษาอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ไม่รับรองตำรับน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ศิริภัทร หรืออาจารย์เดชา ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากขัดกับมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษที่ไม่รับรองจากการติดคุณสมบัติหมอพื้นบ้านตามระเบียบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ทั้งๆ ที่ตัวตำรับเห็นชอบในหลักการแล้วว่า เรื่องนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษที่มีกัญชาหรือสารสกัดกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือศึกษาวิจัย ยังไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ขณะนี้จึงไม่มีการแบนตำรับน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะนี้สูตรน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา ได้ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษไปแล้ว ขณะนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยู่ระหว่างแก้ไขระเบียบการรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอพื้นบ้าน 3,000-4,000 คน ตามระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ กลับมาเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ได้ทันที โดยจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามออกระเบียบโดยเร็ว จากนั้นจึงจะเสนอเข้ามายังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาสูตรตำรับน้ำมันกัญชา อ.เดชา อีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมในเดือนสิงหาคมนี้
ซึ่งอยู่ระหว่างนัดหมายวันประชุม

“สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษฯ นัดดังกล่าว เป็นการพิจารณาเรื่องที่ต่อเนื่องกัน คือ ต่อไปถ้าหมอพื้นบ้านจะผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาตามสูตรตำรับที่ประกาศรับรองไปแล้ว จะต้องทำอะไรหรือพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งการขับเคลื่อนเรื่องกัญชาทางการแพทย์ สธ.กำลังดำเนินการในหลายเรื่อง และปลัด สธ.ได้ตั้งคณะทำงานวอร์รูม มีการประชุมทุกวันพุธ เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ทั้งในแง่ของการบริการทางการแพทย์ โดยการทำแผนการให้บริการ หรือ เซอร์วิส แพลน วางระบบโรงพยาบาลแม่ข่ายในทุกเขตสุขภาพ และการส่งต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์และ โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต หากเกินความสามารถ การเร่งรัดการผลิตสารสกัดจะเดินหน้าต่ออย่างไร เป็นต้น” นพ.ธเรศ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.ธเรศ กล่าวว่า อย.จะมีการเสนอให้ปลดล็อกกัญชงออกจากพืชยาเสพติด ทั้งแผนงาน โครงการ และแนวทางการดำเนินการ โดยเบื้องต้นจะต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายประมาณ 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง กำหนดลักษณะกัญชง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งทั้ง 2 ฉบับนี้ คาดว่าจะสามารถปรับแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือน หรือช่วงเดือนสิงหาคมนี้ และอีกฉบับ คือ กฎกระทรวงเกี่ยวกับกัญชง ซึ่งฉบับนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน เพราะต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการกฤษฎีกา

Advertisement

“นอกจากนี้ จะให้กองเครื่องสำอางและกองอาหารของ อย.ศึกษาด้วยว่า จะต้องออกประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะเมื่อปลดล็อกแล้ว ก็จะมีการปลูกมากขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น โดยเฉพาะการนำมาใช้ในเรื่องของอาหารและเครื่องสำอางเหมือนต่างประเทศ” นพ.ธเรศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการปลดล็อกกัญชง แต่หลายฝ่ายกังวลว่าสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นการเอาเส้นใยและมีสารซีบีดี (CBD)น้อย นพ.ธเรศ กล่าวว่า การปลูกกัญชงขณะนี้ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส.มีการคัดเลือกและขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ ซึ่งมีการเตรียมสายพันธุ์ที่ให้สารซีบีดีสูง และให้สารทีเอชซี (THC) ที่ต่ำไว้แล้ว หากปลดล็อกก็สามารถปลูกได้ ซึ่งการปรับแก้กฎหมายก็จะกำหนดเรื่องสารทีเอชซีด้วยว่าจะต้องต่ำกว่าเท่าไร โดยจะยึดตามเกณฑ์ของต่างประเทศ หรือองค์การอนามัยโลก เพื่อให้สามารถส่งออกได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image