“ยูเซป” ช่วยคนไข้แล้ว 5.5 หมื่นราย เล็งพัฒนาระบบ-เพิ่มยา906รายการ

สพฉ.เผยโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” 2 ปี ช่วยคนไข้แล้ว 55,987 ราย จากผู้ขอใช้ 417,956 ราย กู้ชีวิตได้ร้อยละ 84 เล็งพัฒนาระบบต่อเนื่อง เพิ่มยา 906 รายการ

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 10

นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) ที่ สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินงาน เพื่อให้ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินวิกฤตได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและลดความพิการ โดยไม่ต้องสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลใน 72 ชั่วโมงแรก ผลการดำเนินงานในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต 55,987 ราย จากผู้ขอใช้สิทธิทั้งหมด 417,956 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รองลงมาคือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิประกันสังคม ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 84

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มอบให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ พัฒนาระบบให้เกิดความยั่งยืน เป็นธรรมกับทุกฝ่าย อาทิ การแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงานเพื่อรองรับการเบิกจ่าย แก้ไขประเด็นทางเทคนิค เช่น การรับเรื่องอุทธรณ์ ร้องเรียน การย้ายผู้ป่วย การสำรองเตียง เพิ่มความครอบคลุมกลุ่มประชากร พัฒนาระบบสารสนเทศให้เชื่อมโยงทั้งระบบ รวมทั้งเพิ่มรายการยา 906 รายการ และการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับ ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานมากขึ้น

“ขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินงานโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากขึ้น หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุดหรือไปถึงเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการช่วยชีวิตอย่างรวดเร็ว อย่าให้เสียโอกาสในช่วงนาทีวิกฤตของชีวิต โทรขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ตามโครงการนี้จะต้องมีอาการฉุกเฉินวิกฤติที่สำคัญ ได้แก่ 1.หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ ไม่รู้สึกตัว 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง 4.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีการชักร่วม 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด และ 6.มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่วม ประชาชนหรือสถานพยาบาลมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ โทร. 0 2872 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image