“อนุทิน” โชว์กันสดๆ กินผลไม้ปลอด “พาราควอต” มั่นใจปชช.กินแล้ว ไม่ตายแน่!

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ.พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. เข้าร่วมประชุมร่วมกับคณะทำงานเขตสุขภาพที่ 5 ทั้งนี้ก่อนการประชุมตัวแทนเกษตรกรอินทรีย์จาก จ.ราชบุรี และ จ.สมุทรสงคราม กลุ่มอาสาคนรักแม่กลองในฝ่ายที่สนับสนุนการแบนสารเคมี จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.อัมพวา อ.เมือง อ.บางคนที เข้าให้กำลังใจคณะบริหาร สธ.ในการยกเลิกใช้ 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยได้มอบผักผลไม้ที่ปลอดสารเคมีและใช้เกษตรอินทรีย์ในการปลูกให้แก่คณะทำงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมยืนยันว่าการแบนสารไม่มีผลกระทบต่อการทำการเกษตรกร ซึ่งนายอนุทินได้รับประทานผักและผลไม้ที่ชาวเกษตรกรนำมามอบให้ด้วย พร้อมร่วมกันแสดงพลัง โดยทำสัญลักษณ์ SAY NO ด้วยการนำมือทั้งสองข้างไขว่กันที่หน้าอก มือซ้ายชู 3 นิ้ว หมายถึง การแบนสารเคมี ส่วนมือขวาเป็นการกำมือ ซึ่งหมายถึง การไม่รับสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณตัวแทนเกษตรกรที่ให้กำลังใจคณะทำงาน และอยากให้มั่นใจว่า สธ.มีนโยบายการแบนสารนั้นมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วว่าวัตถุอันตรายทั้ง 3 สาร นั้น ไม่มีประโยชน์และยังเป็นสารตกค้างไปสู่ผู้บริโภคจนกระทั่งกรณีแม่สู่ลูกอีกด้วย จากรายงานทางการแพทย์ต่างๆ ก็ชี้ให้เห็นชัดแล้วว่าผลกระทบของการใช้สารเคมีนั้นไม่ได้อยู่แค่ที่ผลผลิตแต่ตกค้างอยู่ในดิน ซึ่งมีการปลูกใหม่ครั้งต่อไป ก็จะเป็นการดูดซึมเอาสารเคมีจากดินเข้าสู่ผลผลิตโดยตรง

Advertisement

“จากที่มีการบอกว่าผมถูกจูงจมูก ถูกหลอกให้แบนสารนั้น ถ้าผมโดนหลอกให้ทำแล้วมันเป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ทำให้สุขภาพประชาชนเสีย ผมก็ยอมเป็นควาย และที่มีการบอกว่ามีผลประโยชน์เบื้องหลังนั้น ยืนยันได้ว่าไม่มีอย่างแน่นอน สธ.ยังคงยืนยันจุดยืนเดิม ในการไม่เอาสารเคมีหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน คณะทำงานทุกคนมีข้อมูลหลักฐานของผลกระทบจากการใช้สารเคมี ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้าออกหน้ารับแทน ไม่กล้าออกนโยบาย ส่วนที่มีการขึ้นป้ายนั้น ผู้อำนายการโรงพยาบาลหลายคน ผมก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้เป็นการสั่งการอะไร แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันขึ้นป้ายแบนสารเคมี เพราะเห็นถึงอันตรายต่อสุขภาพประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า จากมติที่มีเอกฉันท์นั้น แต่มีคนไม่พอใจในมติและพยายามจะพลิกมติต่างๆ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา และหากมีการยื่นเรื่องถึงศาลยุติธรรมดังที่มีการกล่าวอ้างจริง ก็ยังเชื่อว่าศาลยุติธรรมของประเทศไทยก็คงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อประชาชน และขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ สธ.ได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้วในการแบนสารเคมี ส่วนเรื่องของการแก้ไขปัญหาหลังการยกเลิกใช้สารนั้น ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะทำงานในคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีตัวแทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อทุกคนต่อไป

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างการใช้เกษตรตั้งแต่โบราณสมัยอยุธยา ก็มีการค้าขายผักผลไม้ให้ต่างชาติและมั่นใจได้เลยว่าในยุคสมัยนั้นไม่มีการใช้พาราควอตอย่างแน่นอน ก็ยังมีการค้าขายกันมาได้ ดังนั้น สธ.จึงไม่ต้องการรักษาคนที่ป่วยในโรคเกี่ยวกับสารเหล่านี้อีกแล้ว หากไม่มีคนป่วยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายและทำการแบนไปแล้วนั้น ก็จะเป็นการเพิ่มงบไปส่วนส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นๆ ให้แก่ประชาชนทุกคน และผักผลไม้ที่ตัวแทนเกษตรอินทรีย์นำมามอบให้ในวันนี้ก็คงไม่มีพาราควอตอย่างแน่นอน กินแล้วก็ไม่ตาย สบายใจได้

ด้านตัวแทนเกษตรกร จาก อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า การไม่ใช้สารเคมีเป็นการเปลี่ยนมาใช้เกษตรอินทรีย์ ทำปุ๋ยหมักเอง สารสังเคราะห์ในการบำรุงดินและลำต้น ก็เป็นการใช้ธรรมชาติที่ไม่เกี่ยวข้องการสารเคมีใดๆ พร้อมทั้งยังช่วยสอนให้แก่คนในพื้นที่ให้หันมาใช้เกษตรอินทรีย์และเลิกใช้สารเคมีดังกล่าวแล้ว เพราะการใช้สารเคมี หากสัมผัสโดนผิวหนังก็จะเกิดแผลพุพอง และหากไม่ได้รักษาก็จะเกิดการติดเชื้อ ส่วนการฉีดพ่นสารเคมีก็เกิดการเสียชีวิตหลายรายและยังเกิดสารตกค้าง ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มของตนจำนวนกว่า 300 ไร่ ไม่ใช้สารเคมี ผลผลิตก็จะไม่มีสารปนเปื้อน และเมื่อไปตรวจร่างกายเจาะเลือดแล้วก็ไม่พบสารตกค้างในร่างกายด้วย

ด้านตัวแทนเกษตรกรจาก จ.ราชบุรี กล่าวว่า สนับสนุนให้ยกเลิกใช้สารเคมี และการที่รัฐบาลได้ให้ยกเลิกใช้สารเคมี ตนไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพราะได้พยายามไม่ใช่สารเคมีมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เป็นห่วงทั้งรัฐบาลและเกษตรกรรายอื่นที่ยังคงใช้สารเคมีอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องผลักดันนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรทุกส่วนในด้านของการตลาด เนื่องจากนโยบาลของรัฐบาลที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกนั้น แต่จุดด้อยของเกษตรกรไทยคือไม่สามารถดำเนินการทางการตลาดได้ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือเกษตรกรด้านนี้ แต่ด้านของการผลิตนั้นเกษตรกรไทยมีความสามารถและกำลังการผลิตที่เพียงพออย่างแน่นอน หากเป็นการใช้เกษตรอินทรีย์แล้วรัฐบาลจะต้องหาทางออกในการดันผลผลิตให้ไปสู่ตลาดโลกให้ได้

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image