กรมควบคุมโรคเล็งจัดการสุขภาพใน “หมู่บ้านจัดสรร” เปิด “ยูวิลแคร์” ปี’63 เป้า 8 ล้านคน

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่โรงแรมปริ้นพาเลซ กรุงเทพมหานคร นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาความร่วมมือเครือข่ายและบูรณาการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาโรคและภัยสุขภาพ ว่า ปี 2561 ประเทศไทยมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมือง 37 ล้านคน หรือ ประมาณร้อยละ 50.05 ทำให้รูปแบบของที่พักอาศัยเปลี่ยนแปลงไป หากเป็นเมืองขนาดใหญ่โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีลักษณะเป็นชุมชนแนวตั้งซึ่งเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เมืองเกิดขึ้นใหม่ในต่างจังหวัดจำนวนบ้านจัดสรรในช่วง 5 ปี เพิ่มมากขึ้นกว่า 5 เท่าตัว

“การขึ้นของจำนวนบ้านจัดสรรอย่างรวดเร็วเริ่มส่งผลกระทบต่อระบบการดูแลสุขภาพ ผู้สูงอายุในบ้านจัดสรรมากถึงร้อยละ 60 ขาดการจัดการดูแลเชิงระบบ เสี่ยงต่อการเกิดโรค ภาวะฉุกเฉิน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร และ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งหมดในแต่ละปี เกิดขึ้นในบ้าน เช่น ไฟไหม้ พลัดตกจากที่สูง และพบว่า 3 ใน 4 ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นในบ้านเช่นกัน ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงระบบบริการปฐมภูมิ เพื่อให้การเข้าถึงการป้องกันควบคุมโรค ลดความเหลื่อมล้ำการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ชุมชนการเคหะ ประมาณ 8 ล้านคน ที่ยากต่อการควบคุมโรค ไม่มีอาสาสมัครสาธารณสุข จึงจำเป็นต้องจัดการพื้นที่สุขภาพมุ่งเป้า ที่เรียกว่า HEZ (Health Enhancing Zone) เน้นให้เกิดการป้องกันควบคุมโรคที่ประชาชน มีส่วนร่วม และกำกับติดตามแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ภายใต้โปรแกรมการป้องกันควบคุมโรคระดับชาติ (NUDCP 2020) ผ่านโครงการยูวิลแคร์ (uVilleCare) เพื่อให้เกิดสุขภาพดีเริ่มที่บ้าน หรือ healthy home มุ่งเป้าประชาชน 8 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 3 ล้านคน ซึ่งการเชื่อมใช้เทคโนโลยีในการป้องกันควบคุมโรคความดันโลหิต เบาหวาน การบริหารจัดการเข้าถึงวัคซีน หรือเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน สามารถเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินได้ทันเวลาผ่านการประสานความร่วมมือกับสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั้งภาครัฐ และเอกช” นพ.ปรีชา กล่าวและว่าโครงการยูวิลแคร์ จะลดค่าใช้ภาครัฐได้มากถึง 5.9 พันล้านบาท จากการลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต

นพ.ปรีชา กล่าวอีกว่า ภายใต้โครงการยูวิลแคร์จะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาออกแบบให้มีระบบแจ้งเตือนในบ้านของตนเองในขณะที่ออกไปทำงานนอกบ้าน และนำมาใช้จัดการป้องกันควบคุมโรคที่ลดขั้นตอน เช่น แจ้งเตือนสุขภาพผู้มีภาวะเสี่ยง และยังครอบคลุม โรคเรื้อรัง และการบริการวัคซีน รวมถึงภาวะฉุกเฉินให้เข้าถึงสถานบริการได้ทันเวลาผ่านความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ส่งผลให้ลดการป่วย การตาย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้ ทั้งนี้ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 เขต ทั่วประเทศ จะเป็นหน่วย วิเคราะห์ ส่งการแจ้งเตือนสถานะสุภาพ และจัดแพ็คเกจดูแลสุขภาพได้ตรงความต้องการของประชาชนมากขึ้น หวังผลให้เกิดฐานข้อมูลสุขภาพในหมู่บ้านจัดสรร ครอบคลุมประชากร 8 ล้านคน ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อการบริการต่างๆ ในระบบบริการดูแลสุขภาพเขตเมือง (HEZ) แบบมีส่วนร่วมของหมู่บ้านท้องถิ่นและเอกชนที่เข้มแข็ง อันจะส่งผลให้ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ” ประชาชนมีสุขภาพดี โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2563 ให้กับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองทั่วประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image