‘หมอประกิต’ ชี้เลื่อนขึ้น ‘ภาษีบุหรี่’ ไม่ช่วยชาวไร่ยาสูบ แต่ประโยชน์ตกบริษัทข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 5 มกราคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการควบคุมการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ นายพชร อนันต์ศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเลื่อนการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นอัตราเดียวร้อยละ 40 ตามกำหนดจะขึ้นเดือนตุลาคมนี้ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อลดความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ และการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ว่า การปรับอัตราภาษีบุหรี่ซิกาแรทเมื่อเดือนตุลาคม 2560 เป็น 2 ระดับ โดยคิดตามมูลค่าร้อยละ 20 สำหรับบุหรี่ที่ขายต่ำกว่าซองละ 60 บาท และ ร้อยละ 40 สำหรับบุหรี่ที่ขายซองละ 60 บาทขึ้นไป และเก็บภาษีเฉพาะ 1.2 บาทต่อมวน สำหรับบุหรี่ทุกราคาขาย

“อัตราภาษีนี้แต่เดิมกำหนดให้ใช้เป็นเวลา 2 ปี และปรับให้เป็นร้อยละ 40 อัตราเดียวเดือนตุลาคม 2562 แต่ได้มีการเลื่อนจากกำหนดเดิมมาแล้ว เนื่องจากชาวไร่ยาสูบได้รับความเดือดร้อน จากการที่ ยสท. ลดการซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ของการยาสูบลดลงฮวบฮาบ จากที่ขายได้ประมาณ 27,000 ล้านมวนต่อปี ก่อนการปรับโครงสร้างภาษี และครองส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 67.5 แต่หลังการปรับอัตราภาษีเป็น 2 ระดับ ทำให้ยอดขายของการยาสูบลดลงในปี 2561 เหลือ 19,000 ล้านมวน และส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ ร้อยละ 50 ยสท.เคยมีกำไรปีละ 8,000-9,000 ล้านบาท เหลือกำไรไม่กี่ร้อยล้านบาท จนไม่มีกำไรที่จะนำส่งคลังมา 2 ปีแล้ว ขณะที่บุหรี่นำเข้ารายหนึ่งเคยขายได้ 13,000 ล้านมวน ในปี 2560 ได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างภาษี ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 ล้านมวน ในปี 2561 และส่วนแบ่งตลาดของบริษัทฟิลลิป มอร์ริส เพิ่มขึ้นเกือบ ร้อยละ 50 ตามรายงานของยูโรมอร์นิเตอร์” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการพิจารณาปรับภาษีเป็น 2 อัตรา เมื่อเดือนตุลาคม 2560 จะด้วยขาดความรอบคอบ หรือจะด้วยอะไรอื่นที่แอบแฝงก็ตาม ทำให้บริษัทบุหรี่ได้ฉวยโอกาส ลดราคาบุหรี่ที่ขายในประเทศไทย จากซองละ 72 บาท เหลือ 60 บาท เพื่อที่จะเสียภาษีน้อยลง ขณะที่บุหรี่ของยสท.ที่เคยขายซองละ 40-50 กว่าบาท ต้องปรับราคาขายเป็นซองละ 60 บาท ผลคือ ผู้สูบบุหรี่หันไปสูบบุหรี่นอกแทนการสูบบุหรี่ของ ยสท. การปรับโครงสร้างภาษีเมื่อเดือนตุลาคม 2560 จึงสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ต่อทั้ง ยสท. ที่กำไรส่งรัฐบาลปีละเกือบหมื่นล้านบาท หดหายไปหมด ส่งผลกระทบไปถึงชาวไร่ยาสูบ และเดือดร้อนถึงรัฐบาลไทยที่ต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหา ฝ่ายที่ได้ประโยชน์เต็ม คือ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ

“สังคมน่าจะมีการตรวจสอบให้รู้ความจริงว่า การตัดสินใจปรับอัตราภาษีเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ความผิดพลาดที่ส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครควรที่จะรับผิดชอบ ที่อธิบดีกรมสรรพสามิตเสนอให้เลื่อนการปรับภาษีเป็นร้อยละ 40 อัตราเดียวออกไปอีก ก็จะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของการยาสูบไทยและชาวไร่ยาสูบดีขึ้น อัตราภาษี 2 ระดับที่ใช้อยู่ขณะนี้ บุหรี่ต่างประเทศก็จะชิงส่วนแบ่งตลาดของบุหรี่ไทยมากขึ้น” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

Advertisement

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ทางออกในเรื่องนี้จึงอยู่ที่การพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีโดยด่วน ไม่รอถึงเดือนตุลาคมปีนี้ โดยอาจจะเพิ่มอัตราภาษีเฉพาะที่เก็บ 1.2 บาทต่อมวน ให้สูงขึ้นเป็น 1.5 บาท หรือมากกว่า และปรับอัตราภาษีตามมูลค่าให้เหลือน้อยกว่าร้อยละ 40 เช่นเป็นร้อยละ 30-35 อัตราเดียว อาจจะทำให้บุหรี่ต่างประเทศแย่งส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ของบุหรี่ไทยช้าลง ชาวไร่ยาสูบจะได้รับผลกระทบน้อยลง ยสท.อาจจะกลับมามีกำไร นำเงินส่งคลัง เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินบางส่วนไปช่วยเหลือชดเชยชาวไร่ได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image