คิกออฟ‘ยุวชนสร้างชาติ’ อว.ชูเรียนรู้นอกห้องเรียน ‘เทคโนโลยี-นวัตกรรม’ถึงชุมชน

คิกออฟ‘ยุวชนสร้างชาติ’
อว.ชูเรียนรู้นอกห้องเรียน
‘เทคโนโลยี-นวัตกรรม’ถึงชุมชน

จากรายงานการประมวลผลผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า จ.กาฬสินธุ์ มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวอยู่ที่ 51,147 ต่อคนต่อปี และยังมีสัดส่วนคนยากจนอยู่ที่ 31.99% มากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ซึ่งโครงการนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนไทยจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการนำความรู้ความสามารถที่เรียนมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ภายใต้แนวคิด “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปีเพิ่มสูงขึ้น 7% และสัดส่วนคนจนลดลง 2.5% ต่อปี

ประเด็นปัญหาดังกล่าวเป็นที่มาของโครงการ “ยุวชนสร้างชาติ” ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มีการคิกออฟ และเปิดตัว เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการนำยุวชนอาสาจำนวน 500 คน จาก 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร, ขอนแก่น, ราชมงคลอีสาน นครราชสีมา, เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น, ราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์, ราชภัฏมหาสารคาม, ราชภัฏศรีสะเกษ และศรีปทุม บางเขน นำโดย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรี อว.ไปเรียนรู้สร้างประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน ด้วยการทำงานร่วมกับชุมชน ที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จังหวัดยากจนของประเทศ

Advertisement

“ยุวชนสร้างชาติ” เป็นโครงการที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษานำความรู้ความสามารถออกไปช่วยพัฒนาชุมชน สร้างประสบการณ์สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตัวเองและชุมชนแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนด้วยองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ก่อให้เกิดอาชีพใหม่ เช่น วิสาหกิจเริ่มต้นวิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจสร้างสรรค์ เป็นที่สร้างคุณค่าใหม่ (Value Creation) ให้แก้ระบบเศรษฐกิจ ช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศกำลังพัฒนา กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศคือ ยุวชนวัยหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัย และบัณฑิตจบใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ ให้โอวาทแก่นักศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการยุวชนอาสา ว่า โครงการยุวชนสร้างชาติ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศและเป็นโครงการสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการใช้พลังเยาวชนไทยเป็นกุญแจหลักในการขับเคลื่อนประเทศ พร้อมทั้งปฏิรูประบบการเรียนรู้สร้างประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน เปิดโอกาสให้ยุวชนนำความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีไปพัฒนาพื้นที่ชนบท พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และผู้ประกอบการยุคใหม่อีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ประเทศไทยต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วนและจริงจัง คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีทั้ง “ทักษะทางวิชาการ (Hard Skill)” และ “ทักษะทางอารมณ์และสังคม (Soft Skill)” รวมทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม และศักยภาพที่จะดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ดังนั้น กระทรวง อว.เป็นกระทรวงสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจากเป็นการหลอมรวมหน่วยงานวิจัยของประเทศและสถาบันอุดมศึกษามาเพิ่มพลังทวีคูณในการเติมเต็มศักยภาพของคนไทยให้สามารถเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมและความรู้เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน

“คนรุ่นใหม่จะต้องหาวิธีการใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่แก้กฎหมาย อยากให้ดึงอาชีวศึกษาเข้ามาร่วมในโครงการนี้ด้วย และให้ยุวชนอาสาไปสร้างเครือข่ายและดึงคนรุ่นใหม่มาร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Advertisement

ด้านนายสุวิทย์ ให้รายละเอียดแนวความคิดแผนงาน “ยุวชนสร้างชาติ” ว่า จะใช้งบประมาณ 9,100 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 โครงการ คือ 1.กองทุนยุวชนวิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ตอัพ จัดตั้งกองทุนเริ่มต้น 600 ล้านบาท เป็นงบประมาณของ อว. 100 ล้านบาท และธนาคารออมสินเข้ามาสมทบอีก 500 ล้านบาท ในปี 2563 เปิดให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาร่วมกับบุคลากรมหาวิทยาลัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และต่อยอดองค์ความรู้ ให้เกิดเป็นนวัตกรรมทางธุรกิจ นวัตกรรมสังคม และนวัตกรรมสร้างสรรค์ ระยะเวลา 3-5 ปี 2.อาสาประชารัฐ งบประมาณ 500 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ใช้ระยะเวลา 4-5 เดือน หรือ 1 ภาคเรียน ในการเรียนรู้ในชุมชน ทำโครงงานร่วมกับชาวบ้าน สามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้ทั้งหมด โดยจะเริ่มต้นนำร่องที่ จ.กาฬสินธุ์ และ 3.บัณฑิตอาสา งบประมาณ 8,000 ล้านบาท ช่วยบัณฑิตตกงานกว่า 50,000 คน ลงไปพัฒนาพื้นที่ในชุมชนร่วมกับชาวบ้านเพื่อพัฒนาชุมชน นับเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และช่วยเหลือบัณฑิตตกงาน กลุ่มเป้าหมายคือบัณฑิตจบใหม่ไม่เกิน 3 ปี ระยะเวลาโครงการ 12 เดือน

นายสุวิทย์ กล่าวว่า โครงการยุวชนอาสาได้เริ่มดำเนินการก่อน โดยเลือก จ.กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดนำร่อง เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติด 1 ใน 4 จังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศ มีสัดส่วนคนยากจนสูงถึง 31.99% มีนักเรียน นักศึกษาผ่านการคัดเลือก จำนวน 83 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 83 ตำบล ใน 15 อำเภอ จาก 134 ตำบล ใน 18 อำเภอ ระยะเวลาในการดำเนินโครงงาน 1 ภาคการศึกษา โดยประเด็นการพัฒนา ครอบคลุม 4 ด้านได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย 2.ยกระดับคุณภาพและรายได้ด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมการค้า การลงทุน 3.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.การพัฒนาทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่มีความมั่นคงและสงบสุข

โครงการยุวชนสร้างชาติ ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1.ยุวชนอาสา : สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 กลุ่มละ 8-10 คนแบบคละศาสตร์ (วิทย์-สังคม) เรียนรู้และพักอาศัยในชุมชนเป็นเวลา 1 ภาคเรียน (4-5 เดือน) และได้รับหน่วยกิตเทียบเท่าการเรียนในชั้นเรียนทั้งภาคเรียน 2.บัณฑิตอาสา : สำหรับบัณฑิตจบใหม่ไม่เกิน 3 ปี กลุ่มละ 8-10 คนแบบคละศาสตร์ (วิทย์-สังคม) ลงพื้นที่ พักอาศัยและทำโครงการในชุมชนเป็นระยะเวลา 12 เดือน และ 3.กองทุนยุวสตาร์ตอัพ : สำหรับนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่ที่มีความสนใจเป็นผู้ประกอบการ และต้องการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสตาร์ตอัพ

ทั้งนี้ ภายในงานนักศึกษายังได้นำเสนอผลงานในการร่วมพัฒนาชุมชนต่อนายกรัฐมนตรี จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.การสร้าง Smart Farmer ไทยด้วย IoT (Internet of Thing) : โครงการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีอบพริกแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบ IoT โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2.การพัฒนาที่ยั่งยืนสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ : การบริหารจัดการแหล่งน้ำชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น 3.โครงการสู่ “นาบอนโมเดล” การท่องเที่ยวชุมชนเทคโนโลยี 4.0 โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม

4.จากขยะสู่หนอนสู่โปรตีนเลี้ยงสัตว์คุณภาพสูง : โครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากหนอนแมลงวันลาย (ย่อยขยะอินทรีย์) ให้เป็นโปรตีนเลี้ยงสัตว์คุณภาพสูง โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร และ 5.หมู่บ้านต้นแบบผ้าทอพื้นเมืองตามอัตลักษณ์ผู้ไทเพื่อสุขภาพ โดยมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image