‘อนุทิน’ เฝ้าระวัง ไวรัสโคโรนา ช่วงตรุษจีน ขอปชช.อย่าตื่นตระหนก

‘อนุทิน’ เฝ้าระวัง ไวรัสโคโรนา ช่วงตรุษจีน ขอปชช.อย่าตื่นตระหนก

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกรณีโรคปอดอักเสบ สงสัยปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Novel Coronavirus 2019) โดยมีแพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุขจากส่วนกลางและโรงพยาบาล(รพ.)เอกชน เข้าร่วมกว่า 300 คน และบุคลากรทางการแพทย์จาก 13 เขตสุขภาพทั่วประเทศ ร่วมประชุมทางไกลผ่านเว็บลิงค์ของกรมการแพทย์

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงที่จะรับเชื้อเข้าประเทศผ่านผู้เดินทางที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ปัจจุบันมีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยวันละ 1,200-1,400 คน และจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในช่วงตรุษจีนสัปดาห์หน้า จึงต้องเข้มข้นการเฝ้าระวังตามมาตรฐานสากล ตรวจคัดกรองเป็นพิเศษ โดยเพิ่มการคัดกรองในสนามบินอีก 1 แห่งคือ สนามบินกระบี่ (จากเดิม 4 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต) รวมทั้งเพิ่มจำนวนบุคลากรตามสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นับเป็นการยกระดับการเฝ้าระวังสูงสุดทั้งประเทศ หากพบให้รายงานทุกเคส ไม่มีการปิดบัง และนำคนไข้เข้าสู่ระบบรักษา ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ต้องปลอดภัยไม่ติดเชื้อระหว่างให้บริการด้วย สำหรับประชาชนต้องป้องกันตัวเอง รักษาร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไอ จาม ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ หากป่วยให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง กรณีสงสัยผู้ป่วยเข้าข่ายโรคปอดอักเสบรักษาพยาบาลที่คลินิก ให้โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เพื่อให้รถพยาบาลมารับ ห้ามผู้ป่วยเดินทางด้วยรถสาธารณหรือรถแท็กซี่เอง

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ตนได้ไปพบกับผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งคนไทยเป็นเพศชายอายุ 70 ปี ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครปฐมในห้องแยกโรค หลังจากมีประวัติไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่นก่อนปีใหม่และมีอาการไข้ขณะนี้อาการดีขึ้น แต่กำลังรอผลตรวจว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เพราะผู้ป่วยรายนี้มาจากเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดของโรคนี้ ไม่ใช่มาจากที่ๆไม่มีการระบาดมาก่อน ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าโรคดังกล่าวนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมด้วยมาตรการที่สูงสุดของไทย ซึ่งไทยเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากการระบาดของโรคซาร์ส ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ประเทศไทยจึงต้องมีระบบป้องกันที่ปลอดภัยที่ดี โดยเฉพาะระบบสาธารณสุขที่จะต้องให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวว่ามาเที่ยวแล้วจะปลอดภัยจากโรคต่างๆ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีการหารือร่วมกันในระดับรัฐบาล เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการ ไม่ให้กระทบกับภาคส่วนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข จะควบคุมไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง ยังไม่มีการห้ามการเดินทาง และเราไม่สามารถห้ามคนเดินทางมาพร้อมเชื้อโรคได้ แต่ต้องตรวจจับควบคุมให้ได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจ อย่าตื่นตระหนก เรารับมือได้ เพราะรู้ต้นตอการเกิดโรค ผู้ป่วยทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งภาครัฐ เอกชน สามารถวินิจฉัย รักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อและลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เป็นไปตามหลักการขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ คือ คัดกรองรวดเร็ว (Early detection) ตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว (Early Diagnosis) รักษารวดเร็ว (Early Treatment) และควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว (Early Containment)

Advertisement

ทั้งนี้ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญจาก กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ และสมาคมวิชาชีพ ร่วมถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากร ทั้งในเรื่องแนวทางการเฝ้าระวัง สอบสวนโรค การตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมถึงแนวทางเวชปฏิบัติวินิจฉัยดูแลรักษา การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลและการส่งต่อผู้ป่วย โดยใช้แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับการวินิจฉัย และดูแลรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image