กรมวิทยาศาสตร์ฯ เร่งพัฒนาสมรรถนะ ‘แล็บ’ เครือข่ายเฝ้าระวัง ‘เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ’

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัญหาเชื้อแบคทีเรีย ก่อโรคในคนมีแนวโน้มดื้อยาต้านจุลชีพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรคติดต่อต่างๆ ที่เคยควบคุมได้กลับมาระบาด และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยาจนครบทุกขนานก็จะไม่มียาใดสามารถรักษาโรคติดเชื้อได้อีกต่อไป การใช้ยาต้านแบคทีเรียที่มากเกินความจำเป็นจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการกลายพันธุ์ได้เร็วขึ้น ในการจัดการปัญหาเชื้อดื้อยานั้น การตรวจวินิจฉัยเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อดื้อยา รวมทั้งการให้ข้อมูลสนับสนุนการเลือกใช้ยาที่เหมาะสม ดังนั้น การพัฒนาสมรรถนะของเครือข่ายห้องปฏิบัติการให้ทันสมัยสามารถรองรับการตรวจจับเชื้อดื้อยาชนิดสำคัญ และชนิดอุบัติใหม่ควบคู่ไปกับคุณภาพของการดำเนินงาน จึงเป็นการสนับสนุนให้ระบบเฝ้าระวังของประเทศมีประสิทธิภาพ สามารถรายงานสถานการณ์ปัญหาเชื้อดื้อยา และความไวของเชื้อต่อยาเพื่อประโยชน์ในการรักษาได้อย่างต่อเนื่องรวดเร็ว

นพ.สมฤกษ์กล่าวต่อไปว่า กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้ดำเนินโครงการบูรณาการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเฝ้าระวังเชื้อดื้อยา มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเข้าร่วมเครือข่ายทั้งสิ้น 101 แห่ง จาก 77 จังหวัด ในจำนวนนี้ มีโรงพยาบาลภาครัฐ 91 แห่ง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 7 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง จากการความร่วมมือของเครือข่ายโรงพยาบาลและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้ศูนย์เฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ (National Antimicrobial Resistance Surveillance, Thailand: NARST) จัดตั้งระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาทางห้องปฏิบัติการที่เป็นระบบฐานข้อมูลของประเทศ

 

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
 

นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี จากการดำเนินงานที่ผ่านมายังพบปัญหาด้านข้อมูลผลการตรวจวินิจฉัยเชื้อ ผลการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา และการจัดทำข้อมูลการตรวจความไวต่อยาของเชื้อชนิดต่างๆ (antibiogram) ของโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ยังไม่ครบถ้วน ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การพัฒนาสมรรถนะห้องปฏิบัติการเครือข่ายและระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ” ขึ้น เพื่อพัฒนาสมรรถนะด้านการตรวจวินิจฉัยเชื้อดื้อยาของห้องปฏิบัติการ จุลชีววิทยาคลินิก ทบทวนความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาให้เป็นปัจจุบัน และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ พ.ศ.2560–2564 ตลอดจนเป็นการนำเสนอมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการนำข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังไปใช้ประโยชน์

Advertisement

“การพัฒนาสมรรถนะของห้องปฏิบัติการเครือข่ายในการตรวจเชื้อดื้อยาจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แพทย์นำข้อมูลไปใช้วางแผนการรักษาโรค และสนับสนุนการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา เพื่อลดการป่วยตายจากการดื้อยา โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะลดได้ถึงร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการดื้อยาได้ เช่น ไม่ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเองเพราะอาจได้ยาที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคนั้นได้ และส่งผลให้เชื้อโรคพัฒนาตัวเองไปสู่การดื้อยาได้ ควรรับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดตามแพทย์สั่งแม้จะหายป่วยแล้ว และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะผสมในอาหารสัตว์ เป็นต้น” นพ.สมฤกษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image