กรณีการเกิดปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ไปจนถึงกระแสข่าวลือว่าเอกชนบางเจ้ากว้านซื้อหน้ากากอนามัยไปนับล้านชิ้น จนทำให้ขาดตลาด
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่โรงพยาบาล (รพ.) สงฆ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.ได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เร่งแก้ไข ซึ่งได้มีมาตรการออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้ ทางผู้ประกอบการน่าจะทราบว่าคนไทยเองต้องการหน้ากากอนามัยอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องการสำรองไปขายต่างประเทศเลย สำหรับหน้ากากอนามัยที่ใช้ป้องกันไวรัสโคโรนา ไม่จำเป็นต้องไปถึงรุ่นเอ็น 95 ขอเป็นหน้ากากปกติก็สามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งตามที่ได้รับรายงานมานั้น หน้ากากประเภทนี้ยังหาซื้อได้ทั่วไป แต่ถ้าประชาชนหาซื้อไม่ได้ หรือหาเจอแต่มีราคาแพง ให้มาซื้อกับ อภ. มีขายราคาไม่เกินทุนแน่นอน เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลสุขภาพของประชาชน
“ส่วนเรื่องของการซื้อนั้น แต่ละคนซื้อได้ตามจำนวนที่กำหนด ส่วนจะซื้อได้คนละเท่าไร ต้องขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของ อภ. หลังจากนี้คิดว่าจะมีหน้ากากอนามัยออกสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น เท่าที่ได้รับรายงาน ปัจจุบันผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 7.5 แสนชิ้น แต่หลังจากขอความร่วมมือ น่าจะผลิตได้มากกว่าเดิม” นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการระบาดของไข้หวัดนกในบางประเทศ นายอนุทินกล่าวว่า เราเคยรับมือกับไวรัสตัวนี้มาแล้ว มียา มีวิธีรักษา เป็นเรื่องเก่า ทาง สธ.จึงไม่รู้สึกกังวล แต่สำหรับไวรัสโคโรนา 2019 นับเป็นไวรัสตัวใหม่ แต่ทาง สธ.ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ต่อให้ไวรัสตัวนี้จะรุนแรง ระบาดได้รวดเร็วขนาดไหน แต่สามารถจัดการได้แน่นอน ส่วนที่มีความกังวลว่าคนไทยที่เพิ่งกลับมาจากอู่ฮั่นจะติดเชื้อ แล้วจะแพร่เชื้อหรือไม่ ขอย้ำว่า ทั้งหมดอยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ไม่มีใครแพร่เชื้อแน่นอน สำหรับต่างจังหวัด หากพบผู้ติดเชื้อ เรามีระบบควบคุมโรคทั่วประเทศไทย การดูแลผู้ป่วย การเดินทางของผู้ป่วย อยู่ในการควบคุมภายใต้มาตรฐานสูงสุด สำหรับประชาชน ขอให้ยึดหลักง่ายๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปิดปาก และออกกำลังกาย จะสามารถป้องกันโรคได้
