“ศศิน” ชี้ ขอให้ไฟไหม้ป่าภูกระดึง เป็นโอกาสในการฟื้นฟูนิเวศพท.ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย

หลังจากที่ไฟไหม้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา จำทำให้เสียหายประมาณ 3,400 ไร่นั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 63 นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ส่วนตัวโดยระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่า

“ให้ไฟไหม้ภูกระดึง เป็นโอกาสในการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย

ไม่ใช่ว่าไฟป่าบนภูกระดึงจะเป็นเรื่องไม่น่ากลัว แต่เมื่อเกิดแล้วควบคุมได้แล้ว มาตรการระมัดระวังคงต้องเตรียมพร้อมกับช่วงแล้งจริงๆในเดือนมีนาคม

Advertisement

และน่าจะ “ฉวยโอกาส” นี้ฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย หรือ bog
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการปลูกป่าสน จนระบบนิเวศที่สำคัญและทำให้ภูกระดึง “เคยสวยกว่านี้” กลับมา

เอกลักษณ์ของภูกระดึงคือป่าต้นสนสลับทุ่งหญ้าป่าละเมาะ ขึ้นหลังแปมาเห็นทุ่งโล่งสวยสลับด้วยกลุ่มต้นสนสูงสง่า ไม่ใช่ป่าสนเป็นพืด หรือพุ่มไม้ทึบบังวิว

สักสามสิบปีที่ผ่านมา มีโครงการปลูกป่าสนสองใบ และ สนสามใบบนภูกระดึงใน bog ดังกล่าว ทั่วไป ใครที่ปีนขึ้นภูกระดึงในปัจจุบัน เมื่อสายตาพ้นหลังแปขึ้นมา จะไม่ได้ตื่นเต้นกับที่ราบ ที่ความจริงเป็น bog สุดลูกหูลูกตาอีก

Advertisement

แต่จะพบป่าสนแน่นขนัดแทน เพราะโครงการปลูกป่าที่อาจจะละเลยความรู้พื้นฐานทางนิเวศวิทยา ใช้แต่การจัดการป่าไม้ และเทคโนโลยีปลูกป่า

ต้นสนจึงโตงดงามแต่ดูดน้ำใน bog ไปด้วย ยิ่งโต ก็ยิ่งสูบน้ำใน bog และสนสามใบ สนสองใบ ทำให้ในดินมีไนโตรเจนเพิ่มมากขึ้น ทำให้พืชหลายชนิดที่ไม่เคยขึ้นได้ก็มาขึ้น จนมาแย่ง

หน้าแล้ง bog แห้งบ้าง มีหญ้าขึ้น มีดงสนอยู่ห่างๆกัน ในทุ่งหญ้าซึ่งที่จริงเหมือนคือ bog มี หม้อข้าวหม้อแกงลิง และ หยาดน้ำค้าง สาหร่ายข้าวเหนียว ที่เป็นพืชกินแมลงมากมาย

ปัจจุบันแห้งเกือบตลอดปี มีแต่สนปลูกทั่วไป ผลจากความรักธรรมชาติแต่อาจจะขาดความสนใจระบบนิเวศ

ให้ไฟป่าครั้งนี้เป็นโอกาสฟื้นฟูระบบนิเวศกลับมาครับ”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ศศิน เฉลิมลาภ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image