ไทยติดเชื้อ ‘โควิด-19’ เพิ่มอีก 2 ราย เป็น ‘แม่บ้านที่คนในครอบครัวกลับจากกวางโจว-ชายใกล้ชิดนทท.จีน’

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.พร้อมด้วย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แถลงสถานการณ์ประจำวันเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19

นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่อีก 2 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 37 ราย แต่รักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย ที่ จ.กระบี่ เป็นหญิงชาวจีนอายุ 32 ปี ให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้ได้เดินทางเข้าประเทศไทยก่อนที่สาธารณรัฐประชาชนจีนจะปิดสนามบินอู่ฮั่น ทำให้มีผู้ป่วยรักษาหายรวม 22 ราย เหลือรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) 15 ราย โดยขณะนี้จำนวนผู้ป่วยยืนยันของไทยอยู่ที่อันดับ 10 ของโลก โดยประเทศที่มีการติดเชื้อภายหลัง คือ อิหร่าน และสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยแซงหน้าไทย สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมีทั้งหมด 1,580 ราย อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ ยังรักษาใน รพ. 420 ราย

นพ.สุขุม กล่าวถึงผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 2 ราย พบว่า รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี เป็นแม่บ้าน ขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคจากการพบปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้ แต่จากการซักประวัติพบว่า ผู้ป่วยไม่เคยเดินทาง แต่มีสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจากเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) พบเป็นบวก ทั้ง 2 แล็บ คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ รายที่2 เป็นชายไทยอายุ 29 ปี ทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีน เข้ารับการรักษาด้วยอาการไข้ ไอ ที่สถาบันบำราศนราดูร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคได้สอบสวนและเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อส่งตรวจต่อไป

Advertisement

“การพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย เพราะเรามีการปรับนิยามการคัดกรองให้ขยายครอบคลุมมากขึ้น ทั้งปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ คนทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ยังได้ขยายการคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง คือ จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเฝ้าระวังในอิตาลี อิหร่าน และสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ขอให้ประชาชนเลี่ยง หรือเลื่อนการเดินทางไปยัง 7 ประเทศ ที่มีการระบาดของโรคดังกล่าว หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับมาจากประเทศที่เสี่ยงให้แยกตัวเองออกจากสมาชิกในครอบครัว กินแยกสำรับหรือใช้ช้อนกลางแล้วล้างมือบ่อยๆ เพราะคนในครอบครัวมีโอกาสติดได้ ซึ่งการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง ไม่ล้างมือ ดื่มน้ำจากตู้เย็นโดยใช้แก้วร่วมกัน ทำให้ญาติพี่น้องมีโอกาสเป็นได้ หากเรามีการติดเชื้อจริง และเมื่อมีอาการไม่สบาย ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ไปโรงพยาบาลแจ้งประวัติว่าเกี่ยวข้องกับต่างประเทศอย่างไร เช่น เดินทางไปประเทศที่เสี่ยง มีคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศเสี่ยง หรือทำงานสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหากเข้าเกณฑ์เช่นนี้ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ” นพ.สุขุม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนในครอบครัวของแม่บ้านที่เดินทางกลับมาจากกวางโจวมีอาการป่วยภายใน 14 วัน หรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและซักประวัติเพิ่มเติม แต่ต้องชี้แจงว่า แม้แม่บ้านรายนี้จะไม่ได้เดินทางไป แต่มีคนในครอบครัวเดินทางไป แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องป่วยพร้อมกัน เหมือนกรณีครอบครัวชาวจีนที่มาไทย แล้วมีคนในครอบครัวป่วย ก็ปรากฏว่า คนอื่นๆ ในครอบครัวก็ค่อยๆ ทยอยป่วยตามกันมา ดังนั้น จึงมีการนำผู้สัมผัสทั้งหมดมาเฝ้าระวังและตรวจว่ามีไข้หรือไม่ หากมีไข้ก็จะดำเนินการแยกโรค หากยังไม่มีไข้ก็ต้องติดตามจนครบ 14 วัน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ยังติดตามได้ชัดเจนถึงสาเหตุการติดเชื้อ

Advertisement

เมื่อถามว่าต้องมีการปรับเกณฑ์หรือนิยามในการเฝ้าระวังผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้โปรทัวร์ไฟไหม้แรงมาก ซึ่งย้ำว่า หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง หรือหากกลับมาแล้วควรพยายามแยกตัวเองที่บ้าน

“เช่น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็มีนโยบายใครที่ไปต่างประเทศกลับมาให้แยกตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน สำหรับการปรับเกณฑ์เราพยายามให้คนไข้ที่มีโอกาสเป็นเข้ามาในระบบมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้นอกจากเดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยงแล้ว คนทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ผู้ป่วยปอดบวมรุนแรงไม่ทราบสาเหตุ ก็ยังเพิ่มในส่วนของคนที่มีคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศที่เสี่ยงด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีแม่บ้านรายดังกล่าว จะมีการตรวจผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศทั้งการตรวจเชื้อและแอนติบอดี้ เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อแต่ไม่มีการแสดงอาการหรือไม่” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image